จอมมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกตามคำเทพยุทธ์นิรนาม
สองวันลุถึงสวนสงบแห่งหนึ่ง ยินเสียงสายน้ำแว่วมาแต่ไกล
เสียงธารน้ำไหลทำให้รู้สึกสดชื่นคลายความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า
จอมแวะล้างหน้าล้างตัวที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ในเสียงหลากไหลของสายน้ำแจ้วเสียงสกุณาจอมแว่วยินเสียงรำพึง
“ดอกไม้..ทิ้งกิ่งก้าน..ซบลำธารใส
ธารใส..จุมพิศ..โขดหินไร้ใจ
โขดหินเล่า..เจ้าครุ่นคิด....ถึงผู้ใด..โอ....สรรพสิ่ง...ไยล้วนมี ‘รัก’ งมงาย”
จอมลัดเลาะโขดหินพุ่มพฤกษ์ริมธารตามเสียงนั่น
บนหาดหินที่สายธารเลี้ยวไหลหายไปในแนวไพร
นั่งไว้ด้วยชายหนุ่มผู้หนึ่งสวมอาภรณ์ผ้าฝ้ายเนื้อดีย้อมสีธรรมชาติ
พู่กันในมือสะบัดไปมาราวเริงระบำอยู่บนแผ่นรองวาด
ริมฝีปากกลับเอื้อนเอ่ยบทกวีออกมาราวกำลังพูดคุยอยู่กับลำธารเบี้องหน้า
จอมเกรงจะรบกวนเวลาส่วนตัวของคนผู้นั้น
แต่ด้วยความสงสัยใคร่รู้จอมกลับก้าวเท้าเข้าไปหาโดยไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มหยุดรำพันคำกวี หันมาทางจอม
“สวัสดีท่าน” เขาส่งยิ้มทักทายแต่ไกล
จอมกล่าวทักทาย
“สวัสดีขอรับ ข้าพเจ้าผ่านทางมา ยินท่านร่ายบทกวีเขียนภาพ เลยเอ่อ..”
“เชิญท่าน นี่รูปที่ข้ากำลังเขียน” ชายหนุ่มส่งกระดานรองวาดให้จอม
จอมรับมาชม..เป็นภาพลำธารที่ลัดเลาะหายไปในพฤกษ์ไพร
สายน้ำสาดซัดแก่งหินกระเซ็นเป็นฟองฝอยเปี่ยมด้วยพลังปะทะ..จอมเอ่ย
“สวยดีนะขอรับ”
“ฝึกฝนวิชาพู่กันแรมปี..เริงร่ายร้อยบทกวี..ข้านี้หาได้ต้องการอื่นใด”
เขากล่าวถ้อยคำคล้องจองแล้วถามจอม “ท่านคงชมชอบเขียนรูป?”
“เปล่าหรอกขอรับ ข้าพเจ้าไม่เคยเขียน เพียงเห็นท่านนั่งเขียนรูปร่ายบทกวีอย่างความสุข ข้าพเจ้าคิดว่าการเขียนรูปคงต้องไม่เลว”
“ท่านกล่าวได้ดี...การเขียนรูปย่อมไม่เลว..ไม่เลวจริง ๆ” เขาแย้มยิ้มกล่าวถามว่า
“เช่นนั้นยามว่างท่านทำอะไร?”
“ข้าพเจ้าเดินหมาก” จอมส่งรูปคืนให้ชายหนุ่ม
คนผู้นั้นขมวดคิ้วกล่าวว่า
“เดินหมากหรือ..ฝีมือท่านเป็นเช่นไร?”
“คงไม่เลวขอรับ เมื่อหลายวันก่อนข้าพเจ้าเพิ่งเข้าทำเนียบเซียน”
“อา....เช่นนั้นท่านก็คือผู้สร้างประวัติศาสตร์สะท้านวงการเซียนที่เหล่าเซียนหมากร่ำลือ”
จอมพยักหน้า ถามว่า
“ท่านเดินหมากด้วยหรือขอรับ?”
“อืมม์” ชายหนุ่มรับคำด้วยแววตาเลื่อนลอยก่อนจะแย้มยิ้มกล่าวต่อว่า
“ข้าชอบเขียนรูปร่ายบทกวีมากกว่า”
“ข้าพเจ้าอยากจะเขียนรูปบ้างท่านพอจะสอนได้ไหมขอรับ?”
“ได้สิ..ข้ายินดี ท่านชื่ออะไร?”
“จอมขอรับ”
“ข้าเรียกว่า ราศีมีน”
“ขอรับท่านราศีมีน”
“ไม่ต้องเรียกท่านเราเป็นเพื่อนกัน”
“ขอรับ”
ราศีมีนเปิดกล่องไม้ใส่อุปกรณ์เขียนรูปแล้วส่งกระดาษ กระดานรองวาด พู่กันให้จอม จากนั้นเขาหยิบพู่กันอันใหญ่ขึ้นจุ่มสี แล้วตวัดไปบนกระดาษขาวอย่างรวดเร็ว พลางเอ่ย
“เมื่อแรกเริ่ม..
ทิวไม้..ก้อนเมฆ..ลำธาร..
ล้วนคือ ทิวไม้..ก้อนเมฆ..ลำธาร..
พอตวัดปลายพู่กัน..
ทิวไม้..หาได้เป็นทิวไม้
ก้อนเมฆ..หาได้เป็นก้อนเมฆ
ลำธาร..หาได้เป็นลำธาร
แม้แต่ตัวข้า...ก็หาได้เป็นตัวข้าเอง...”
ขณะร่ายคำ..มือตวัดปลายพู่กันแคล่วคล่องประดุจจอมยุทธ์หนุ่มร่ายรำเพลงกระบี่ล้ำลึก ท่วงท่าพลิ้วไหวแม้สายน้ำยังหยุดชมสายลมหยุดพัดโบย
จอมเพลินมองภาพเบื้องหน้า พลังบางอย่างที่นำความรู้สึก..ผ่อนคลาย..เบาสบาย กระจายมาถึงจอม ราศีมีนเห็นจอมนั่งนิ่งจึงเอ่ยถาม
“ทำไมไม่เขียนล่ะ?”
“ข้าพเจ้าเขียนไม่เป็นไม่รู้จะเริ่มตรงไหน”
“เริ่มที่ใจท่าน” ราศีมีนกล่าวตอบ จอมงุงงง หากจะเขียนภาพเบี้องหน้าไยจึงเริ่มที่ใจ?
ไยเป็นเช่นนั้น? ราศีมีนแย้มยิ้มกล่าวว่า
“ตาเพียงแต่รับภาพ ใจจึงมองเห็นใจท่านเห็นสิ่งใดก็จงเขียนสิ่งนั้น”
จอมพยักหน้าจรดปลายพู่กันลงกลับชะงักมือไว้กล่าวว่า
“ไร้ฝีมือคงเขียนไม่เหมือนดังใจขอรับ”
ราศีมีนวางพู่กันลง แล้วเดินมานั่งใกล้จอม
“ในศิลปะ ไม่มีเหมือนไม่เหมือนหรอกจอม เราไม่ได้เอาสิ่งใดมาใส่บนกระดาษขาวใบนี้ การที่เราเขียนรูปอะไรเรากำลังพิจารณาสิ่งนั้นอย่างละเอียดละออเอาใจใส่ จนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ศิลปเป็นเพียงสื่อนำใจสัมผัสโลก..สัมผัสสรรพสิ่ง ก้อนหิน สายธาร ทิวเขา ใบไม้ใบหญ้า หรือ ดวงตาของหญิงสาว ขณะตวัดปลายพู่กัน เรากำลังสื่อสารกับโลก กับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่
ผลของมันคือความรักอันไพศาลที่เกิดขึ้นภายใน ท่านจะรักโขดหินได้เท่า ๆ กับหญิงสาวเยาว์วัย ท่านจะรักปุยเมฆพอ ๆ กับรักสหาย ท่านจะรักสายน้ำราวกับรักลมหายใจ แล้วธรรมชาติก็จะบรรณาการพลังชีวิตให้แก่เรา”
จอมนิ่งฟังถ้อยคำเหล่านั้นอย่างพินิจ ช่างคล้ายคลึงถ้อยคำที่อาจารย์เคยสอนสั่งแต่นั่นล้วนเป็นเรื่องราวของหมากรุก มีบางอย่างร่วมกันอย่างประหลาดราวธารน้ำต่างสายที่ไหลออกมาจากตาน้ำเดียวกัน จอมแย้มยิ้มกล่าว
“ขอบคุณที่ชี้แนะ”
“ไม่มีกังวลแล้ว..มา! เรามาเขียนรูปกัน”
จอมเพลิดเพลินกับการเขียนรูปทิวทัศน์รอบ ๆ ลำธาร เพลินจนลืมเวลาลืมตัวตนลืมทุกสิ่ง รู้สึกเหมือนได้ใช้เวลาสนทนาอยู่กับสายธาร ฝูงปลา โขดหิน หมู่ไม้ น้อยใหญ่ เมื่อเขียนแต่ละรูปเสร็จจอมเอาไปให้ราศีมีนดู เขาหัวเราะชอบใจ แล้วคะยั้นคะยอให้เขียนรูปต่อ ๆ ไป
บั้นต้นจอมรู้สึกว่าภาพที่เขียนออกมาไม่ดี
แต่..เมื่อเป็นอิสระหลุดพ้นจากความกังวลที่จะให้ภาพเหมือนหรือดูสวยงาม
จอมเริ่มรู้สึกผ่อนคลายสนุกกับการสื่อสารกับโลกรอบกายจนสลายใจหลอมรวมไปกับสรรพสิ่ง
เขาได้ยินเสียงโลกพูดคุย
เขาได้ยินเสียงสายลมทักทายแมกไม้
เขาเข้าใจภาษาเพลงของเหล่าสกุณา
จนเย็นย่ำสนธยา ทั้งคู่จึงได้วางพู่กันหันมาหัวเราะให้กัน
ราศีมีนชักชวนจอมไปพักที่กระท่อมน้อยของเขา
เขามีกระท่อมเล็ก ๆ ริมลำธารไว้ใช้เป็นที่พักผ่อน
“ข้าไม่ชอบที่บ้าน ผู้คนวุ่นวาย มากคนยิ่งมากความ ข้าเลยหลบมาอยู่ที่นี่คราวละหลาย ๆ วัน” เขาเล่าให้จอมฟังระหว่างเดินกลับกระท่อม
กระท่อมน้อยภายในมีเพียงห้องเดียว กับระเบียงด้านหน้าใช้เป็นที่นั่งเล่น
ราศีมีนจุดตะเกียงตระเตรียมอาหารแห้ง ทั้งสองนั่งรับประทานอาหารบนระเบียง
หลังอาหารมื้อค่ำทั้งสองยังนั่งสนทนาอยู่ริมระเบียง เสียงลำธารยามค่ำขับกล่อมอยู่รินริน
“ท่านกำลังเดินทางไปที่ใดหรือจอม?” ราศีมีนเอ่ยถาม แสงวับวอมของตะเกียงทำให้ใบหน้าคมคายของเขาคมเข้มขึ้น
“ข้าพเจ้าจะไปคารวะท่านสูญญตาจารย์”
“อ้อ..ท่านอาจารย์”
“ท่านรู้จัก?”
“รู้จักสิ ข้าพเจ้าไปเยี่ยมท่านเป็นครั้งคราว ท่านเป็นอริยสงฆ์ที่น่านับถือ”
“รบกวนท่านช่วยแนะนำเส้นทางให้ข้าพเจ้าด้วยจะได้ไหมขอรับ?”
“จากที่นี่ไปไม่ไกลท่านจะเจอหมู่บ้าน จากหมู่บ้านไปทางใต้ไม่ถึงครึ่งวันเป็นสูญญตาราม”
“ขอบคุณท่าน”
“ท่านมีธุระอันใดกับท่านอาจารย์หรือ?”
“สหายที่เคารพผู้หนึ่งแนะนำให้ข้าพเจ้าไปคารวะท่าน เพื่อรับคำชี้แนะทะลวงขีดจำกัดในการเดินหมากของข้าพเจ้า”
“อ้อ” ราศีมีนพยักหน้า เขาเอนหลังพิงพนักหันมองความมืดมิดของคืนแรม แล้วกล่าว
“การก้าวพ้นขีดจำกัดของแต่ละคน เกิดจากประสบการณ์ชีวิต พานพบเรื่องราวหลากหลายหาใช่การฝึกฝนชั่วครู่ยามหรอกจอม”
“ท่านเทพยุทธ์นิรนามก็บอกเช่นนั้น”
“อ้อ..คนผู้นั้นที่ท่านเอ่ยถึงคือท่านเทพยุทธ์นิรนามสิ?”
“ขอรับ...ท่านรู้จักด้วยหรือขอรับ”
“รู้สิ.....หลายปีก่อนเทพยุทธ์นิรนาม ผาดโผนในวงการเซียนไร้ผู้ต่อต้าน
จู่ ๆ ชื่อของท่านก็เงียบหายไปไม่ทราบเกิดอะไรขึ้น”
“ท่านมีภรรยาเพียบพร้อมผู้หนึ่ง จึงมุ่งสู่ชีวิตเรียบง่ายสันโดษเพื่อใช้ชีวิตร่วมกับภรรยาขอรับ”
“อ้อ...เช่นนี้เอง”
จอมทอดถอนใจกล่าวว่า
“ข้าพเจ้าไม่มีทางเลือก อีกสามเดือนจะถึงกำหนดประลองแล้ว ได้แต่ทำตามท่านเทพยุทธ์นิรนามชี้แนะ”
ราศีมีนเบิ่งตาถามว่า
“ท่านหมายถึงการประลองชิงตำแหน่ง ยอดเซียน?”
“ขอรับ”
“ทำไมท่านจึงต้องการเข้าประลอง?”
“หาได้เป็นความต้องการแต่แรกขอรับ ท่านเทพยุทธ์นิรนามบอกว่านั่นเป็นเป้าหมายในการเดินทางของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงคิดลองสักครา”
“เป้าหมาย?”
“เสาะหาความหมายแห่งชีวิต ข้าพเจ้าจากอาจารย์มาเพื่อหาคำตอบ”
“อืมม..ท่านจะเข้าชิงตำแหน่งยอดเซียน เพื่อหาความหมายของชีวิต?”
“ขอรับ”
“นับเป็นเหตุผลที่เหนือความคาดหมาย”
ทั้งคู่สนทนาจนดึกดื่นจึงแยกกันพักผ่อน ครั้งพบปะเทพยุทธ์นิรนามกับเมย์จอมรู้สึกคล้ายเจอญาติผู้ใหญ่ที่ให้ความอบอุ่น แต่หากยังมีช่องว่างบางอย่างที่ไม่อาจบรรยายคั่นอยู่ในความรู้สึก กับราศีมีนกลับไม่มีช่องว่างที่ว่านั่น
จอมรู้สึกมีเพื่อนเป็นครั้งแรก...คล้ายถูกอัธยาศัยกับราศีมีนผู้นี้อย่างประหลาด เขาดูเหมือนจะสูงวัยกว่าจอมสัก ๒-๓ ปี แต่วิธีคิดวิธีมองโลกของเขาทำให้จอมอยากรับรู้อยากพูดคุย
จอมพริ้มตา
คิดถึงอาจารย์
จนผลอยหลับไป
ส ร ร พ สิ่ ง. . . ไ ย ล้ ว น มี ‘รั ก’ ง ม ง า ย
ราศีมีน