๙.ราศีมีน

จอมมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกตามคำเทพยุทธ์นิรนาม 
สองวันลุถึงสวนสงบแห่งหนึ่ง  ยินเสียงสายน้ำแว่วมาแต่ไกล 
เสียงธารน้ำไหลทำให้รู้สึกสดชื่นคลายความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า

จอมแวะล้างหน้าล้างตัวที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ 
ในเสียงหลากไหลของสายน้ำแจ้วเสียงสกุณาจอมแว่วยินเสียงรำพึง

“ดอกไม้..ทิ้งกิ่งก้าน..ซบลำธารใส
ธารใส..จุมพิศ..โขดหินไร้ใจ
โขดหินเล่า..เจ้าครุ่นคิด....ถึงผู้ใด..โอ....สรรพสิ่ง...ไยล้วนมี ‘รัก’ งมงาย”

จอมลัดเลาะโขดหินพุ่มพฤกษ์ริมธารตามเสียงนั่น
บนหาดหินที่สายธารเลี้ยวไหลหายไปในแนวไพร
นั่งไว้ด้วยชายหนุ่มผู้หนึ่งสวมอาภรณ์ผ้าฝ้ายเนื้อดีย้อมสีธรรมชาติ 
พู่กันในมือสะบัดไปมาราวเริงระบำอยู่บนแผ่นรองวาด 
ริมฝีปากกลับเอื้อนเอ่ยบทกวีออกมาราวกำลังพูดคุยอยู่กับลำธารเบี้องหน้า 

จอมเกรงจะรบกวนเวลาส่วนตัวของคนผู้นั้น 
แต่ด้วยความสงสัยใคร่รู้จอมกลับก้าวเท้าเข้าไปหาโดยไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มหยุดรำพันคำกวี หันมาทางจอม

“สวัสดีท่าน” เขาส่งยิ้มทักทายแต่ไกล 

จอมกล่าวทักทาย

“สวัสดีขอรับ ข้าพเจ้าผ่านทางมา ยินท่านร่ายบทกวีเขียนภาพ เลยเอ่อ..”

“เชิญท่าน นี่รูปที่ข้ากำลังเขียน” ชายหนุ่มส่งกระดานรองวาดให้จอม

จอมรับมาชม..เป็นภาพลำธารที่ลัดเลาะหายไปในพฤกษ์ไพร 
สายน้ำสาดซัดแก่งหินกระเซ็นเป็นฟองฝอยเปี่ยมด้วยพลังปะทะ..จอมเอ่ย

“สวยดีนะขอรับ”

“ฝึกฝนวิชาพู่กันแรมปี..เริงร่ายร้อยบทกวี..ข้านี้หาได้ต้องการอื่นใด”
เขากล่าวถ้อยคำคล้องจองแล้วถามจอม  “ท่านคงชมชอบเขียนรูป?”

“เปล่าหรอกขอรับ  ข้าพเจ้าไม่เคยเขียน เพียงเห็นท่านนั่งเขียนรูปร่ายบทกวีอย่างความสุข  ข้าพเจ้าคิดว่าการเขียนรูปคงต้องไม่เลว”

“ท่านกล่าวได้ดี...การเขียนรูปย่อมไม่เลว..ไม่เลวจริง ๆ” เขาแย้มยิ้มกล่าวถามว่า 
“เช่นนั้นยามว่างท่านทำอะไร?”

“ข้าพเจ้าเดินหมาก” จอมส่งรูปคืนให้ชายหนุ่ม 

คนผู้นั้นขมวดคิ้วกล่าวว่า

“เดินหมากหรือ..ฝีมือท่านเป็นเช่นไร?”

“คงไม่เลวขอรับ  เมื่อหลายวันก่อนข้าพเจ้าเพิ่งเข้าทำเนียบเซียน”

“อา....เช่นนั้นท่านก็คือผู้สร้างประวัติศาสตร์สะท้านวงการเซียนที่เหล่าเซียนหมากร่ำลือ” 

จอมพยักหน้า ถามว่า

“ท่านเดินหมากด้วยหรือขอรับ?”

“อืมม์” ชายหนุ่มรับคำด้วยแววตาเลื่อนลอยก่อนจะแย้มยิ้มกล่าวต่อว่า

“ข้าชอบเขียนรูปร่ายบทกวีมากกว่า”

“ข้าพเจ้าอยากจะเขียนรูปบ้างท่านพอจะสอนได้ไหมขอรับ?”

“ได้สิ..ข้ายินดี  ท่านชื่ออะไร?”

“จอมขอรับ”

“ข้าเรียกว่า ราศีมีน”

“ขอรับท่านราศีมีน”

“ไม่ต้องเรียกท่านเราเป็นเพื่อนกัน”

“ขอรับ”

ราศีมีนเปิดกล่องไม้ใส่อุปกรณ์เขียนรูปแล้วส่งกระดาษ กระดานรองวาด พู่กันให้จอม  จากนั้นเขาหยิบพู่กันอันใหญ่ขึ้นจุ่มสี แล้วตวัดไปบนกระดาษขาวอย่างรวดเร็ว  พลางเอ่ย

“เมื่อแรกเริ่ม..
ทิวไม้..ก้อนเมฆ..ลำธาร..
ล้วนคือ ทิวไม้..ก้อนเมฆ..ลำธาร..
พอตวัดปลายพู่กัน..
ทิวไม้..หาได้เป็นทิวไม้
ก้อนเมฆ..หาได้เป็นก้อนเมฆ
ลำธาร..หาได้เป็นลำธาร
แม้แต่ตัวข้า...ก็หาได้เป็นตัวข้าเอง...”

ขณะร่ายคำ..มือตวัดปลายพู่กันแคล่วคล่องประดุจจอมยุทธ์หนุ่มร่ายรำเพลงกระบี่ล้ำลึก ท่วงท่าพลิ้วไหวแม้สายน้ำยังหยุดชมสายลมหยุดพัดโบย
จอมเพลินมองภาพเบื้องหน้า  พลังบางอย่างที่นำความรู้สึก..ผ่อนคลาย..เบาสบาย  กระจายมาถึงจอม  ราศีมีนเห็นจอมนั่งนิ่งจึงเอ่ยถาม

“ทำไมไม่เขียนล่ะ?”

“ข้าพเจ้าเขียนไม่เป็นไม่รู้จะเริ่มตรงไหน”

“เริ่มที่ใจท่าน” ราศีมีนกล่าวตอบ  จอมงุงงง  หากจะเขียนภาพเบี้องหน้าไยจึงเริ่มที่ใจ?
ไยเป็นเช่นนั้น? ราศีมีนแย้มยิ้มกล่าวว่า

“ตาเพียงแต่รับภาพ  ใจจึงมองเห็นใจท่านเห็นสิ่งใดก็จงเขียนสิ่งนั้น”

จอมพยักหน้าจรดปลายพู่กันลงกลับชะงักมือไว้กล่าวว่า

“ไร้ฝีมือคงเขียนไม่เหมือนดังใจขอรับ”

ราศีมีนวางพู่กันลง  แล้วเดินมานั่งใกล้จอม

“ในศิลปะ ไม่มีเหมือนไม่เหมือนหรอกจอม  เราไม่ได้เอาสิ่งใดมาใส่บนกระดาษขาวใบนี้  การที่เราเขียนรูปอะไรเรากำลังพิจารณาสิ่งนั้นอย่างละเอียดละออเอาใจใส่  จนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว  ศิลปเป็นเพียงสื่อนำใจสัมผัสโลก..สัมผัสสรรพสิ่ง  ก้อนหิน สายธาร ทิวเขา ใบไม้ใบหญ้า  หรือ ดวงตาของหญิงสาว  ขณะตวัดปลายพู่กัน เรากำลังสื่อสารกับโลก กับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่

ผลของมันคือความรักอันไพศาลที่เกิดขึ้นภายใน   ท่านจะรักโขดหินได้เท่า ๆ กับหญิงสาวเยาว์วัย   ท่านจะรักปุยเมฆพอ ๆ กับรักสหาย  ท่านจะรักสายน้ำราวกับรักลมหายใจ   แล้วธรรมชาติก็จะบรรณาการพลังชีวิตให้แก่เรา”

จอมนิ่งฟังถ้อยคำเหล่านั้นอย่างพินิจ  ช่างคล้ายคลึงถ้อยคำที่อาจารย์เคยสอนสั่งแต่นั่นล้วนเป็นเรื่องราวของหมากรุก  มีบางอย่างร่วมกันอย่างประหลาดราวธารน้ำต่างสายที่ไหลออกมาจากตาน้ำเดียวกัน จอมแย้มยิ้มกล่าว

“ขอบคุณที่ชี้แนะ”

“ไม่มีกังวลแล้ว..มา! เรามาเขียนรูปกัน”

จอมเพลิดเพลินกับการเขียนรูปทิวทัศน์รอบ ๆ ลำธาร  เพลินจนลืมเวลาลืมตัวตนลืมทุกสิ่ง รู้สึกเหมือนได้ใช้เวลาสนทนาอยู่กับสายธาร  ฝูงปลา  โขดหิน  หมู่ไม้ น้อยใหญ่  เมื่อเขียนแต่ละรูปเสร็จจอมเอาไปให้ราศีมีนดู  เขาหัวเราะชอบใจ แล้วคะยั้นคะยอให้เขียนรูปต่อ ๆ ไป  

บั้นต้นจอมรู้สึกว่าภาพที่เขียนออกมาไม่ดี

แต่..เมื่อเป็นอิสระหลุดพ้นจากความกังวลที่จะให้ภาพเหมือนหรือดูสวยงาม 
จอมเริ่มรู้สึกผ่อนคลายสนุกกับการสื่อสารกับโลกรอบกายจนสลายใจหลอมรวมไปกับสรรพสิ่ง

เขาได้ยินเสียงโลกพูดคุย
เขาได้ยินเสียงสายลมทักทายแมกไม้
เขาเข้าใจภาษาเพลงของเหล่าสกุณา

จนเย็นย่ำสนธยา ทั้งคู่จึงได้วางพู่กันหันมาหัวเราะให้กัน

ราศีมีนชักชวนจอมไปพักที่กระท่อมน้อยของเขา
เขามีกระท่อมเล็ก ๆ ริมลำธารไว้ใช้เป็นที่พักผ่อน

“ข้าไม่ชอบที่บ้าน ผู้คนวุ่นวาย  มากคนยิ่งมากความ ข้าเลยหลบมาอยู่ที่นี่คราวละหลาย ๆ วัน”  เขาเล่าให้จอมฟังระหว่างเดินกลับกระท่อม

กระท่อมน้อยภายในมีเพียงห้องเดียว  กับระเบียงด้านหน้าใช้เป็นที่นั่งเล่น 
ราศีมีนจุดตะเกียงตระเตรียมอาหารแห้ง  ทั้งสองนั่งรับประทานอาหารบนระเบียง 

หลังอาหารมื้อค่ำทั้งสองยังนั่งสนทนาอยู่ริมระเบียง  เสียงลำธารยามค่ำขับกล่อมอยู่รินริน

“ท่านกำลังเดินทางไปที่ใดหรือจอม?” ราศีมีนเอ่ยถาม  แสงวับวอมของตะเกียงทำให้ใบหน้าคมคายของเขาคมเข้มขึ้น

“ข้าพเจ้าจะไปคารวะท่านสูญญตาจารย์”

“อ้อ..ท่านอาจารย์”

“ท่านรู้จัก?”

“รู้จักสิ  ข้าพเจ้าไปเยี่ยมท่านเป็นครั้งคราว  ท่านเป็นอริยสงฆ์ที่น่านับถือ”

“รบกวนท่านช่วยแนะนำเส้นทางให้ข้าพเจ้าด้วยจะได้ไหมขอรับ?”

“จากที่นี่ไปไม่ไกลท่านจะเจอหมู่บ้าน  จากหมู่บ้านไปทางใต้ไม่ถึงครึ่งวันเป็นสูญญตาราม”

“ขอบคุณท่าน”

“ท่านมีธุระอันใดกับท่านอาจารย์หรือ?”

“สหายที่เคารพผู้หนึ่งแนะนำให้ข้าพเจ้าไปคารวะท่าน เพื่อรับคำชี้แนะทะลวงขีดจำกัดในการเดินหมากของข้าพเจ้า”

“อ้อ” ราศีมีนพยักหน้า เขาเอนหลังพิงพนักหันมองความมืดมิดของคืนแรม  แล้วกล่าว

“การก้าวพ้นขีดจำกัดของแต่ละคน  เกิดจากประสบการณ์ชีวิต พานพบเรื่องราวหลากหลายหาใช่การฝึกฝนชั่วครู่ยามหรอกจอม”

“ท่านเทพยุทธ์นิรนามก็บอกเช่นนั้น”

“อ้อ..คนผู้นั้นที่ท่านเอ่ยถึงคือท่านเทพยุทธ์นิรนามสิ?”

“ขอรับ...ท่านรู้จักด้วยหรือขอรับ”

“รู้สิ.....หลายปีก่อนเทพยุทธ์นิรนาม  ผาดโผนในวงการเซียนไร้ผู้ต่อต้าน 
จู่ ๆ ชื่อของท่านก็เงียบหายไปไม่ทราบเกิดอะไรขึ้น”

“ท่านมีภรรยาเพียบพร้อมผู้หนึ่ง  จึงมุ่งสู่ชีวิตเรียบง่ายสันโดษเพื่อใช้ชีวิตร่วมกับภรรยาขอรับ”

“อ้อ...เช่นนี้เอง”

จอมทอดถอนใจกล่าวว่า

“ข้าพเจ้าไม่มีทางเลือก  อีกสามเดือนจะถึงกำหนดประลองแล้ว  ได้แต่ทำตามท่านเทพยุทธ์นิรนามชี้แนะ”

ราศีมีนเบิ่งตาถามว่า

“ท่านหมายถึงการประลองชิงตำแหน่ง ยอดเซียน?”

“ขอรับ”

“ทำไมท่านจึงต้องการเข้าประลอง?”

“หาได้เป็นความต้องการแต่แรกขอรับ  ท่านเทพยุทธ์นิรนามบอกว่านั่นเป็นเป้าหมายในการเดินทางของข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าจึงคิดลองสักครา”

“เป้าหมาย?”

“เสาะหาความหมายแห่งชีวิต  ข้าพเจ้าจากอาจารย์มาเพื่อหาคำตอบ”

“อืมม..ท่านจะเข้าชิงตำแหน่งยอดเซียน เพื่อหาความหมายของชีวิต?”

“ขอรับ”

“นับเป็นเหตุผลที่เหนือความคาดหมาย”

ทั้งคู่สนทนาจนดึกดื่นจึงแยกกันพักผ่อน  ครั้งพบปะเทพยุทธ์นิรนามกับเมย์จอมรู้สึกคล้ายเจอญาติผู้ใหญ่ที่ให้ความอบอุ่น  แต่หากยังมีช่องว่างบางอย่างที่ไม่อาจบรรยายคั่นอยู่ในความรู้สึก  กับราศีมีนกลับไม่มีช่องว่างที่ว่านั่น
จอมรู้สึกมีเพื่อนเป็นครั้งแรก...คล้ายถูกอัธยาศัยกับราศีมีนผู้นี้อย่างประหลาด   เขาดูเหมือนจะสูงวัยกว่าจอมสัก ๒-๓ ปี  แต่วิธีคิดวิธีมองโลกของเขาทำให้จอมอยากรับรู้อยากพูดคุย 

จอมพริ้มตา
คิดถึงอาจารย์
จนผลอยหลับไป

ส  ร  ร  พ  สิ่  ง.  .  .  ไ ย ล้ ว  น  มี  ‘รั  ก’  ง  ม  ง  า  ย
                                                              ราศีมีน