ฟ้าสาง
ตะวันทอแสง
สายลมอรุณเฉื่อยโชย
เหล่าสกุณาตื่นจากหลับไหลส่งเสียงร้องเซ็งแซ่
จอมเหนื่อยล้าจนก้าวขาแทบไม่ไหว เนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าฉีกขาดจากถูกกิ่งไม้เกี่ยวตอนวิ่งหนีบรรดาศิษย์สำนักอัคคี จอมวิ่งไม่ยอมหยุดพักเขาจะต้องไปถึงให้ทันเวลา สิ่งที่เขาค้นหาอาจอยู่ที่นั่น ที่การประลองครั้งยิ่งใหญ่ของเหล่านักเดินหมาก
เขาไม่รู้ว่าจะได้พบกับอะไร เขาเพียงอยากกลับไปหาอาจารย์ กลับไปหาอาจารย์ให้เร็วที่สุด เขาเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ มีแต่กระท่อมน้อยของอาจารย์เท่านั้นเป็นที่พักให้เขาได้ล้มตัวลงนอน...หลับไหล
จอมวิ่งไปข้างหน้าไม่คิดชีวิต
แสงตะวันแผดจ้าขึ้นทุกที
ที่สุดเขาลุถึงหน้าประตูใหญ่ ‘ทำเนียบเซียน’ ด้วยสภาพไม่ต่างจากขอทานร่อนเร่
คนผู้หนึ่งนั่งซึมเซาอยู่หน้าประตู ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมา เขาเบือนหน้ามอง เห็นขอทานน้อยวิ่งซวนเซหมดเรี่ยวแรง..มองอยู่เป็นครู่จึงค่อยจดจำ เบิกตาตะโกนร้อง
“จอม!” เขารีบวิ่งเข้ามาประคองร่างที่แทบไร้แรงทรงกาย
“เป็นเจ้าจริง ๆ ข้ามั่นใจว่าเจ้าต้องมา ฮ่า ฮ่า ฮ่า” คนผู้นั้นหัวเราะร่า ราวบัณฑิตหนุ่มเพิ่งตกแต่งภรรยา
“ท่านเทพยุทธ์นิรนาม” จอมตะพุ่มมือที่สิ้นกำลังไหว้เทพยุทธ์นิรนาม
“เจ้าหายไปไหนมา ข้าตามหาเจ้าแทบแย่?” เทพยุทธ์นิรนามขยับแขนจอมขึ้นพาดไหล่
จอมไม่ตอบกลับถามด้วยเสียงแผ่ว “ข้าพเจ้ามาทันหรือไม่?”
“พิธีเปิดเริ่มไปแล้ว....” จอมเข่าอ่อน เทพยุทธ์นิรนามกล่าวต่อว่า
“แต่ยังทัน! ดีที่ข้าลงชื่อไว้ให้..ข้ามั่นใจว่าเจ้าต้องมา..ฮ่า ฮ่า..ไป! เราเข้าไปข้างใน มีผู้คนมาให้กำลังใจเจ้ามากมาย ฮ่า ฮ่า” เทพยุทธ์นิรนามพูดพลางหัวเราะพลางอย่างโล่งใจ
ทั้งคู่ก้าวเท้าเข้าภายในทำเนียบเซียนผู้คนกรูเข้ามาทักทาย
“ท่านเมฆาล่องลอย!" จอมส่งพนมมือทักทายเหล่าเซียนหมาก เสียงร้องทักทายสับสนอึงอล
"...ท่านจำข้าพจ้าได้หรือไม่ ท่านกรุณาชี้แนะเดินหมากกับข้าที่หมู่บ้าน?”
“...ทำไมท่านอยู่ในสภาพเช่นนี้!?”
“...ข้าพเจ้าคิดว่าท่านไม่มาเสียแล้ว!”
“...พวกเรามาให้กำลังใจท่าน ขอท่านสู้ให้เต็มที่!”
จอมไม่อาจเอ่ยวาจาได้แต่ส่งยิ้มที่อ่อนล้าผงกศีรษะทักทายผู้คน เทพยุทธ์นิรนามประคองจอมพลางบอกกล่าวบรรดาเซียนหมากขอให้จอมได้อาบน้ำอาบท่าก่อน ฝูงชนจึงแหวกทางให้
ภายในห้องพักของทำเนียบเซียนจอมนั่งลงในถังน้ำผ่อนลมหายใจอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรง น้ำอุ่นช่วยให้กล้ามเนื้อที่อ่อนล้าได้ผ่อนคลาย ละอองไออุ่นอบอวลไปทั่วห้อง..จอมอยากจะหลับสักงีบ
ภายนอก..
การประลองครั้งสำคัญในรอบ ๔ ปี ได้เริ่มขึ้นแล้ว ทั่วทำเนียบเซียนประดับประดาด้วยริ้วตุงหลากสี เสียงเครื่องสายบรรเลงดังทั่วอาณาบริเวณ ผู้คนจากทุกสารทิศต่างมุ่งมายังสถานที่แห่งนี้จนแน่นขนัด พากันพูดคุยถามไถ่ทุกข์สุข แลกปลี่ยนประสบการณ์ เพื่อนฝูงญาติมิตรที่ไม่พบหน้ากันแรมเดือนแรมปี โดยมิได้นัดหมายกลับมาพบกันที่นี่ บรรยากาศจึงเต็มด้วยมิตรไมตรี
เลยเข้าภายใน..ห้องโถงใหญ่ประดับไฟสวยงาม ชุดโต๊ะเดินหมากหินอ่อนแกะสลักฝีมือประณีตจนได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในมรดกทางศิลปกรรมล้ำค่าที่น้อยครั้งผู้คนจะได้ยลถูกเปิดผ้าคลุมออกอีกครั้ง เผยให้เห็นลวยลายสลักเสลาฝีมือช่างโบราณอันงดงามอ่อนช้อย
แสงไฟสว่างจ้าจับที่โต๊ะ ยิ่งขับความขาวนวลของเนื้อหินเปล่งประกายสะท้อนเงาโดดเด่นอยู่กลางห้องโถง
แสงไฟบนผนังสาดส่องไปยังป้ายรายชื่อเซียนหมากระดับเทพทั้งหมดที่จะเข้าชิงชัยในครั้งนี้ รายชื่อจะถูกปลดออกเรื่อย ๆ จนกว่าเหลือคนสุดท้ายที่จะครองตำแหน่งอันเป็นจุดหมายของเหล่านักเดินหมาก...‘ยอดเซียน’
การชิงชัยเมื่อ ๔ ปีก่อน คู่ชิงคือเทพอุดร กับ เทพประจิม แต่ทั้งคู่ไม่สามารถหักล้างกัน
ก่อนชิงชัยเทพอุดรถูกคาดหมายน่าจะได้รับตำแหน่ง ‘ยอดเซียน’ ด้วยเหล่าทักษะกลหมากล้วนเห็นว่าเทพอุดรมีพลังวัตรที่ลึกล้ำเหนือคนอื่น ๆ ทั้งคู่เสมอกันถึงสามครั้งสามครา ตามกติกาถึอว่า ‘ไม่มีผู้ไดครองตำแหน่งยอดเซียน”นับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของธรรมเนียบเซียน
ตำแหน่งยอดเซียนจึงว่างเว้นผู้ครอบครองมาจนบัดนี้ คงไว้แต่ตำแหน่ง ‘จตุรเทพ’ ทั้งสี่ที่ถือเป็นสี่ผู้มีฝีมือสูงสุดในวงการเซียน
การประลองแบ่งเป็นสี่สาย แบ่งห้องประลองแต่ละห้องสำหรับแต่ละสายห้ามปะปนกัน เพื่อไม่ให้เกิดการเสียเปรียบได้เปรียบ หนึ่งเดียวของแต่ละสายจะต้องสู้กับจตุรเทพ ของสายนั้น ๆ ผู้ชนะที่เหลือเพียงสี่ท่าน จะจับฉลากประกบคู่ ประลองกระดานเดียวเอาผลแพ้-ชนะ หากเสมอต้องประลองต่อจนกว่าจะรู้ผล เพื่อให้ได้สองท่านที่จะเป็นคู่ชิง ‘ยอดเซียน’ ที่จะจัดขึ้นในห้องโถงใหญ่
เทพนิรนามจัดหาเสื้อผ้าใหม่ให้จอมสวมใส่ จอมกัดฟันก้าวเข้าสู่ห้องประลองทั้งที่กล้ามเนื้อขาเจ็บปวดอ่อนล้าจนแทบจะยกไม่ไหว เสียงโห่ร้องยินดีของบรรดาเซียนหมากดังลั่นเมื่อเห็นจอมเดินออกมา
จอมสวมชุดขาวผมยาวเรียบเป็นเงาวาวทำให้เขาดูสูงวัย สง่า น่าเกรงขาม ต่างจากขอทานน้อยเมื่อครู่ราวคนละคน
เทพยุทธ์นิรนามนำจอมไปคารวะท่านธรรมดาดั่งทองผู้เป็นประมุขทำเนียบเซียน ท่านอวยพรให้จอมโชคดี ยังมีอาวุโสอีกท่านนั่งด้านข้างเป็นเหนือเซียนมังกรไฟเจ้าสำนักอัคคี จอมไหว้คารวะ เจ้าสำนักอัคคียิ้มแย้มอวยพรจอมตามธรรมเนียมด้วยสีหน้าปกติประกายตากลับฉายวาวราวคมหอกคมดาบ
คนทั้งสองล่าถอยออกมา ก้าวเดินไปยังที่นั่งพักสำหรับผู้เข้าประลอง จอมสูดหายใจลึกเหลียวมองไปรอบห้องเสียงปรบมือดังขึ้นกึกก้อง
การชิงชัยอันลือลั่นของผู้ที่จะเป็นยอดเซียนในตำนาน..กำลังจะเริ่ม
ห นึ่ ง ห ยุ ด . . . . ห มื่ น เ รื่ อ ง ห ยุ ด
ประกายแห่งเซ็น