๒๒.พบเทพอุดร

เช้าวันต่อมา..
ทั้งสองออกจากกระท่อมแต่เช้า  เมย์ยืนโบกมือส่งหน้ากระท่อม  จอมยิ้มแย้มโบกมือให้เมย์อย่างเทพยุทธ์นิรนามกระทำเขารู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่อบอุ่นนี้ หากเป็นไปได้เขาอยากมีครอบครัวอบอุ่นเช่นนี้ 

ทั้งสองได้รับกำลังใจจากผู้คนตลอดทางจนถึงทำเนียบเซียน

การประลองวันนี้จัดขึ้นที่โถงใหญ่  ห้องโถงความจุหลายพันคนประดับประดาด้วยริ้วตุงห้อยพลิ้วลงจากเพดานสูง  แสงไฟหลากสีสาดไหวตลอดเวลา  เหล่าทักษะหมากแออัดอยู่เต็มพื้นที่  ต่างส่งเสียงพูดคุยวิจารณ์อย่างออกรส  บางท่านหาเคยรู้จักแต่กลับทักทายสนทนากันอย่างถูกคอ  บ้างเป็นสหายร่วมแนวที่จากกันไปนานได้พบพานโดยมิคาดหมาย 

เทพยุทธ์นิรนามกับจอมมาถึงก็ตรงเข้าห้องพัก  มีเจ้าหน้าที่ทำเนียบคอยคุ้มกันไม่ให้ผู้คนเข้ามาทำลายความสงบบริเวณที่พัก

ภายในห้องพัก

“รู้สึกอย่างไรบ้าง?” เทพยุทธ์นิรนามเอ่ยถาม

“ยากรักษาความสงบในใจไว้ขอรับ” จอมตอบ

เทพยุทธ์นิรนามถอนใจ  “อะไรทำให้เจ้ารู้สึกเช่นนั้น?”

จอมครุ่นคิดแล้วกล่าว  “อาจเป็นผู้คนที่มาให้กำลังใจมากมาย ข้าพเจ้ากลัวจะทำให้พวกเขาผิดหวัง ไม่ก็บรรยากาศสถานที่คึกคักจอแจเช่นนี้” ยังมีอีกเรื่องเป็นดังม่านหมอกแห่งการรอคอยรบกวนจิตใจจอม  เขาไม่ได้กล่าวออกไป

“เจ้าตั้งใจฟังข้า” น้ำเสียงเทพยุทธ์นิรนามไม่เคยจริงจังเช่นนี้มาก่อน

“เวลานี้ ขณะนี้ ภาพเหตุการณ์เหล่านี้ เป็นเส้นทางที่เจ้าเดินหาใช่จุดหมายปลายทางไม่  เป็นเส้นทางให้เจ้าเดินผ่านกอบเก็บประสบการณ์  เพื่อจุดหมายในการค้นหาของเจ้า  จงเก็บทุกเรื่องราวทุกอารมณ์ทุกความรู้สึกไว้ในความทรงจำเพื่อการทบทวนศึกษา  แต่อย่าปล่อยให้ต่าง ๆ เหล่านี้มามีอิทธิพลครอบงำเจ้า  นั่นจะทำให้เจ้าไขว้เขวลังเลหลงทางจนไม่มีวันไปถึงจุดหมาย”

“ขอรับ ขอบคุณที่ชี้แนะ”

“เจ้าพักผ่อนเถอะ รอเสียงเจ้าหน้าที่เรียก ข้าจะคอยอยู่ด้านนอก”

“ขอรับ” จอมตะพุ่มมือไหว้ขอบคุณ

เทพยุทธ์นิรนามก้าวออกจากห้องจอมหลับตา..กำหนดปราณลึก..เข้าสู่สมาธิจิต

ภายนอก..

ผู้คนทะยอยเข้ามาจนเต็มความจุของห้องโถง  ยิ่งใกล้เวลาประลอง เสียงพูดคุยยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ ชุดโต๊ะประลองขาวโพลนอยู่ใต้หลังคาจั่วทรงไทยที่ห้อยลงมาจากเพดานสูง  บริเวณโต๊ะประลองล้อมไว้ด้วยเชือกขาวเส้นใหญ่  บ่งบอกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ห้ามผู้ใดเหยีบย่ำเข้าไปยกเว้นสุดยอดเซียนหมากคู่ชิงทั้งสอง 

การประลองเปรียบเหมือนหนทางสู่สัจธรรมวิมุติ  เจ้าหน้าที่ทำเนียบเซียนก่อนจะเป็นผู้ตัดสิน  ต้องชำระกาย-ใจ ถือศีล ภาวนาเป็นเวลา ๗ วัน  ผู้ได้ชัยที่ก้าวออกมาจากธรรมสีมาศักดิ์สิทธิ์จะประดุจศาสดาผู้บรรลุโลกุตรธรรมอันสูงสุด

บนกระดานหินแกรนิตเนื้อแข็งเป็นมันวาว  ตัวหมากพิเศษแกะสลักลวดลายประณีตยืนสงบนิ่งรอการประลอง  มีแต่ตัวหมากพิเศษเหล่านี้เท่านั้นที่จะทานรับพลังระดับยอดเซียนได้!

ตุงหลากสีแขวนกระจายไปทั่วทั้งเพดานโถงที่สูงลิบในเงามืดพลิ้วยาวลงมาต้องแสงไฟ

เสียงเจ้าหน้าที่ประกาศดังขึ้น
สรรพเสียงอึงอลเงียบลงในทันที

“ก า ร แ ข่ ง ขั น ป ร ะ ล อ ง ชิ ง ตำ แ ห น่ ง ย อ ด เ ซี ย น ไ ด้ ดำ เ นิ น ม า ถึ ง วั น สุ ด ท้ า ย . . . ทำ เ นี ย บ เ ซี ย น ข อ ข อ บ คุ ณ ทุ ก ท่ า น ที่ เ ข้ า ร่ ว ม แ ล ะ เ ข้ า ช ม ก า ร ป ร ะ ล อ ง ค รั้ งนี้”

เสียงปรบมือโห่ร้องดังก้องห้องโถง  ผู้ประกาศกล่าวต่อว่า

“ในโอกาสนี้ขอขอบคุณท่านธรรมดาดั่งทอง ประธานจัดการแข่งขัน”

ท่านธรรมดาดั่งทองลุกขึ้นคารวะ เสียงปรบมือดังต่อเนื่องทอดยาว

“บัดนี้ได้เวลาแล้วที่ทุกท่านจะได้พบกับ.." เว้นจังหวะชั่วครู่แล้วกล่าว  "สองสุดยอดนักเดินหมาก ที่ทอดตาทั่วทั้งแผ่นดินหามีผู้ทัดเทียม!"

เสียงปรบมือโห่ร้องดังก้องราวฟ้าถล่มทลาย  เจ้าหน้าที่กล่าวต่อว่า

"ขอแนะนำหมากขาว..

หนึ่งเดียวจากนักเดินหมากหน้าใหม่ที่ผ่านเข้ามา  หนึ่งเดียวผู้พลิกประวัติศาสตร์ทำเนียบเซียน และหนึ่งเดียวที่กำลังจะพิชิตตำแหน่ง ‘ยอดเซียน’ อายุน้อยที่สุดในวงการ”

เจ้าหน้าที่กล่าวเน้นเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ 

“เขากำลังจะพิสูจน์ตัวเอง..เชิญทุกท่านพบกับ..นักเดินหมากผู้เดินทางร่อนเร่พเนจรไร้ที่มาไร้ที่ไปดุจ..เ ม ฆา ล่ อ ง ล อ ย !”

เสียงปรบมือยาวนานดังสนั่นโถง พวกเซียนหมากที่มาให้กำลังใจจอมต่างส่งเสียงเมฆาล่องลอย!ซ้ำ ๆ พร้อมจังหวะปรบมือ

จอมในชุดขาวเดินออกมาด้วยสีหน้าสงบยิ่ง  ผมเรียบยาวดำขลับสะท้อนเงาวาว  คิ้วเข้มจมูกโด่งเป็นสันขับใบหน้าคมคายเคร่งขรึมราวรูปสลัก  เทพยุทธ์นิรนามเดินเคียงข้างยิ้มแย้มโบกมือให้ผู้คน  สุดทางพรมแดงถึงสีมาศักดิ์สิทธิ์ที่ล้อมด้วยเชือกขาว  เทพยุทธ์นิรนามสัมผัสมือจอม  จอมยิ้ม  เทพยุทธ์นิรนามผงกศีรษะแล้วเดินไปยังที่นั่งตน

จอมก้าวเข้าในเขตสีมาศักดิ์สิทธิ์หยุดยืนด้านหมากขาว  แสงไฟสว่างจ้าจับใบหน้าคมเข้มโดดเด่นดุจบัณฑิตหนุ่มผู้สำเร็จเซียน 

เสียงปรบมือดังกึกก้อง

เสียงเจ้าหน้าที่กังวานขึ้นอีกครั้ง

“ขอแนะนำหมากดำ..

สุดยอดนักเดินหมากไร้ผู้เทียมทานแห่งยุค  สุดยอดเซียนหมากผู้ไม่เคยพ่าย  สุดยอดพลังไร้ผู้ต้านทาน..เชิญทุกท่านพบกับ...สุดยอดฝีมือหนึ่งเดียวของสำนักอัคคี...เหนือเซียน..เ ท พ อุ ด ร!”

เสียงโห่ร้องเสียงผิวปากดังลั่น จอมมองไปทางต้นเสียงล้วนเป็นคนของสำนักอัคคี จอมกวาดตามองหาใครบางคน

เทพอุดรเดินออกมาในชุดสีแดงเพลิง มีเจ้าสำนักอัคคีและศิษย์เดินมาเคียงข้าง  เจ้าสำนักอัคคีโบกมือให้ผู้ชมเรียกความนิยมต่อชื่อเสียงสำนัก

ทั้งหมดเดินมาหยุดที่สุดพรมแดง 

จอมเขม้นมองบุรุษหนุ่มในชุดแดงเพลิงของสำนักอัคคีพลันอุทาน... "ท่านราศีมีน!"

จอมยิ่งตกตะลึงเมื่อศิษย์สำนักอัคคีคนที่ยืนข้าง ๆ เทพอุดรลดผ้าคลุมศีรษะลง... "ด อ ก บั ว!"

เจ้าสำนักอัคคีส่งประกายตาที่วาวราวคมหอกคมดาบมองจอมก่อนขยับไปยังที่นั่ง  เทพอุดรกุมมือดอกบัวต่างส่งยิ้มให้กันแล้วเดินเข้ามายืนประจำที่

จอมยังคงรำพึงเสียงแผ่ว  “ท่านราศีมีน”....”ดอกบัว”

จอมเพ่งมองคนที่ตนรอคอยมาตลอดเวลา..ดอกบัวมาแล้ว..มากับราศีมีนผู้ที่เขายึดถือเป็นสหายร่วมวัยเพียงหนึ่งเดียว

เทพอุดรโบกมือให้บรรดาเสียงโห่ร้องต้อนรับแล้วหันมากล่าวทักทาย  “จอม ท่านสบายดี?”

“ข้า...ข้าพเจ้าสบายดี....” จอมยังงงงันพูดอะไรไม่ออก  เขายินดีที่ได้พบราศีมีนอีกครั้ง  แต่ต้องไม่ใช่ในสถานการณ์เช่นนี้ จอมร้องถามไปว่า  “ท่านคือเทพอุดร!”

ราศีมีนผงกศีรษะ

“ท่าน..กับ..ดอก..บัว?”

“ดอกบัวเป็นคู่หมั้นหมายข้าพเจ้า มีอะไรหรือ?”

เจ้าหน้าที่ทำเนียบเซียนเข้ามาอ่านกติกา เสี่ยงทายเลือกเดิน อวยพรทั้งสอง
คู่ประลองไหว้ขอบคุณแล้วนั่งลง  มีเสียงประกาศบอกให้ทุกคนเข้าสู่ภาวะสงบ  โถงใหญ่ความจุหลายพันคนพลันเงียบสนิท 

จอมจะเป็นฝ่ายเดินก่อน...สายตายังเหลือบมองดวงตาคมใสคู่นั้น  ไม่มีแววประกายที่เคยสัมผัสหลงเหลืออีกแล้ว..

การประลองหมากครั้งลือลั่นที่สุดในวงการเซียนกำลังจะเริ่มขึ้น!

..ในใจเต็มไปด้วยคำถามร้อยพัน...

จอมไม่ขยับหมาก!

ความเงียบเหมือนม่านดำคลี่ลงคลุมทั่วทั้งโถงใหญ่  เซียนหมากข้างเมฆาล่องลอยล้วนมาจากคนละทิศละทาง  ทั้งที่มาให้กำลังใจแต่วันแรก และเปลี่ยนมาถือข้างเมฆาล่องลอยในวันหลังเพราะชมชอบฝีไม้ลายมือพากันขมวดคิ้วงุนงงสงสัยไม่ทราบเกิดอะไรขึ้นกับยอดนักเดินหมากที่พวกตนชื่น่ชม  มีเสียงตะโกนดังขึ้น   “เ ม ฆ า ล่ อ ง ล อ ย”

จอมยังนั่งนิ่ง...

...ความฝัน..ชีวิตคู่เหมือนอย่างเทพยุทธ์นิรนามกับเมย์ที่เขาเฝ้าฝัน..เลือนหายไป..ไม่อาจไขว่คว้า..รักษาไว้...

มีเสียงร้องเรียกให้กำลังใจของทั้งสองฝ่ายดังขึ้นจนเจ้าหน้าที่ต้องประกาศให้เงียบ

...เหมือนมองไปยังความเวิ้งว้างแสนไกล...ดวงตาสวยใสคู่นั้นมีเพียงความว่างเปล่าไม่สะท้อนความหมายใด ๆ อีกแล้ว...

จอมยินเสียงจิตเจ้าสำนักอัคคีดังก้อง “เจ้าคงเห็นแล้วว่าไม่มีประโยชน์ จะเข้าร่วมการประลองหรือไม่เจ้าล้วนพ่ายแพ้...นี่เป็น ‘รุกฆาต!’ สำหรับเจ้า”

(เสียงปรบมือให้กำลังใจเมฆาล่องลอยค่อย ๆ ดังขึ้น)

แพ้-ชนะ หามีความหมายต่อเขา  ความฝันสิมีความหมาย ความฝันที่มลายหายไปแล้ว..หมดสิ้นแล้ว..เขาไม่อยากอยู่ตรงนี้อีกอยากกลับไปหาอาจารย์ ที่นั่นมีกันเพียงสองคน อบอุ่น สงบสุข

(เสียงปรบมือโดยพร้อมเพรียงค่อย ๆ ดังขึ้น)

การแข่งขันทำลายมิตรภาพ, ทำร้ายตัวเองทำลายคนรอบข้าง, เขาจะทิ้งผู้คนที่เชื่อมั่นในตัวเขาไปได้อย่างไร?

(เสียงปรบมือพร้อมเพรียงดังก้องโถง) 

จอมนั่งนิ่ง..ดวงตาเลื่อนลอย  ไม่รับรู้สรรพเสียงใดความคิดไม่ปะติดปะต่อ โลกของจอมพังคลืนลงแล้ว..ที่เหลือมีเพียงร่าง..ร่างที่ไร้วิญญาณ...

(เสียงปรบมือพร้อมเพรียง)

เทพยุทธ์นิรนามเห็นผิดสังเกตพยายามส่งเสียงจิตเรียกจอม แต่สายไปแล้ว
จอมไม่เห็น..ไม่ได้ยินใด ๆ ทั้งสิ้นอีกต่อไป

(เสียงปรบมือพร้อมเพรียง)

ทั้งหมดที่นี่เป็นเพียงภาพลวง 
ความรัก..ความฝัน..มิตรภาพ..ศรัทธา..แววตา..วาจา..ล้วนภาพลวง!

เขากับอาจารย์เท่านั้นที่เป็นชีวิตจริง!
มีแต่กระท่อมน้อยของอาจารย์เท่านั้นเป็นที่พักพิงอย่างแท้จริง!

จอมลุกพรวด!

วิ่งออกไปจากห้องโถง 
วิ่งอย่างไม่คิดชีวิต 
วิ่งหนีไปให้พ้นเรื่องราวเหล่านี้ ทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังเหมือนไม่เคยพบพาน  

เทพยุทธ์นิรนามรีบวิ่งตามออกไป

 

เ ร า เ ป็ น เ ช่ น ใ ด โ ล ก ก็ เ ป็ น เ ช่ น นั้ น
                                            กฤษณมูรติ