เช้าวันต่อมา..
ทั้งสองออกจากกระท่อมแต่เช้า เมย์ยืนโบกมือส่งหน้ากระท่อม จอมยิ้มแย้มโบกมือให้เมย์อย่างเทพยุทธ์นิรนามกระทำเขารู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่อบอุ่นนี้ หากเป็นไปได้เขาอยากมีครอบครัวอบอุ่นเช่นนี้
ทั้งสองได้รับกำลังใจจากผู้คนตลอดทางจนถึงทำเนียบเซียน
การประลองวันนี้จัดขึ้นที่โถงใหญ่ ห้องโถงความจุหลายพันคนประดับประดาด้วยริ้วตุงห้อยพลิ้วลงจากเพดานสูง แสงไฟหลากสีสาดไหวตลอดเวลา เหล่าทักษะหมากแออัดอยู่เต็มพื้นที่ ต่างส่งเสียงพูดคุยวิจารณ์อย่างออกรส บางท่านหาเคยรู้จักแต่กลับทักทายสนทนากันอย่างถูกคอ บ้างเป็นสหายร่วมแนวที่จากกันไปนานได้พบพานโดยมิคาดหมาย
เทพยุทธ์นิรนามกับจอมมาถึงก็ตรงเข้าห้องพัก มีเจ้าหน้าที่ทำเนียบคอยคุ้มกันไม่ให้ผู้คนเข้ามาทำลายความสงบบริเวณที่พัก
ภายในห้องพัก
“รู้สึกอย่างไรบ้าง?” เทพยุทธ์นิรนามเอ่ยถาม
“ยากรักษาความสงบในใจไว้ขอรับ” จอมตอบ
เทพยุทธ์นิรนามถอนใจ “อะไรทำให้เจ้ารู้สึกเช่นนั้น?”
จอมครุ่นคิดแล้วกล่าว “อาจเป็นผู้คนที่มาให้กำลังใจมากมาย ข้าพเจ้ากลัวจะทำให้พวกเขาผิดหวัง ไม่ก็บรรยากาศสถานที่คึกคักจอแจเช่นนี้” ยังมีอีกเรื่องเป็นดังม่านหมอกแห่งการรอคอยรบกวนจิตใจจอม เขาไม่ได้กล่าวออกไป
“เจ้าตั้งใจฟังข้า” น้ำเสียงเทพยุทธ์นิรนามไม่เคยจริงจังเช่นนี้มาก่อน
“เวลานี้ ขณะนี้ ภาพเหตุการณ์เหล่านี้ เป็นเส้นทางที่เจ้าเดินหาใช่จุดหมายปลายทางไม่ เป็นเส้นทางให้เจ้าเดินผ่านกอบเก็บประสบการณ์ เพื่อจุดหมายในการค้นหาของเจ้า จงเก็บทุกเรื่องราวทุกอารมณ์ทุกความรู้สึกไว้ในความทรงจำเพื่อการทบทวนศึกษา แต่อย่าปล่อยให้ต่าง ๆ เหล่านี้มามีอิทธิพลครอบงำเจ้า นั่นจะทำให้เจ้าไขว้เขวลังเลหลงทางจนไม่มีวันไปถึงจุดหมาย”
“ขอรับ ขอบคุณที่ชี้แนะ”
“เจ้าพักผ่อนเถอะ รอเสียงเจ้าหน้าที่เรียก ข้าจะคอยอยู่ด้านนอก”
“ขอรับ” จอมตะพุ่มมือไหว้ขอบคุณ
เทพยุทธ์นิรนามก้าวออกจากห้องจอมหลับตา..กำหนดปราณลึก..เข้าสู่สมาธิจิต
ภายนอก..
ผู้คนทะยอยเข้ามาจนเต็มความจุของห้องโถง ยิ่งใกล้เวลาประลอง เสียงพูดคุยยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ ชุดโต๊ะประลองขาวโพลนอยู่ใต้หลังคาจั่วทรงไทยที่ห้อยลงมาจากเพดานสูง บริเวณโต๊ะประลองล้อมไว้ด้วยเชือกขาวเส้นใหญ่ บ่งบอกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ห้ามผู้ใดเหยีบย่ำเข้าไปยกเว้นสุดยอดเซียนหมากคู่ชิงทั้งสอง
การประลองเปรียบเหมือนหนทางสู่สัจธรรมวิมุติ เจ้าหน้าที่ทำเนียบเซียนก่อนจะเป็นผู้ตัดสิน ต้องชำระกาย-ใจ ถือศีล ภาวนาเป็นเวลา ๗ วัน ผู้ได้ชัยที่ก้าวออกมาจากธรรมสีมาศักดิ์สิทธิ์จะประดุจศาสดาผู้บรรลุโลกุตรธรรมอันสูงสุด
บนกระดานหินแกรนิตเนื้อแข็งเป็นมันวาว ตัวหมากพิเศษแกะสลักลวดลายประณีตยืนสงบนิ่งรอการประลอง มีแต่ตัวหมากพิเศษเหล่านี้เท่านั้นที่จะทานรับพลังระดับยอดเซียนได้!
ตุงหลากสีแขวนกระจายไปทั่วทั้งเพดานโถงที่สูงลิบในเงามืดพลิ้วยาวลงมาต้องแสงไฟ
เสียงเจ้าหน้าที่ประกาศดังขึ้น
สรรพเสียงอึงอลเงียบลงในทันที
“ก า ร แ ข่ ง ขั น ป ร ะ ล อ ง ชิ ง ตำ แ ห น่ ง ย อ ด เ ซี ย น ไ ด้ ดำ เ นิ น ม า ถึ ง วั น สุ ด ท้ า ย . . . ทำ เ นี ย บ เ ซี ย น ข อ ข อ บ คุ ณ ทุ ก ท่ า น ที่ เ ข้ า ร่ ว ม แ ล ะ เ ข้ า ช ม ก า ร ป ร ะ ล อ ง ค รั้ งนี้”
เสียงปรบมือโห่ร้องดังก้องห้องโถง ผู้ประกาศกล่าวต่อว่า
“ในโอกาสนี้ขอขอบคุณท่านธรรมดาดั่งทอง ประธานจัดการแข่งขัน”
ท่านธรรมดาดั่งทองลุกขึ้นคารวะ เสียงปรบมือดังต่อเนื่องทอดยาว
“บัดนี้ได้เวลาแล้วที่ทุกท่านจะได้พบกับ.." เว้นจังหวะชั่วครู่แล้วกล่าว "สองสุดยอดนักเดินหมาก ที่ทอดตาทั่วทั้งแผ่นดินหามีผู้ทัดเทียม!"
เสียงปรบมือโห่ร้องดังก้องราวฟ้าถล่มทลาย เจ้าหน้าที่กล่าวต่อว่า
"ขอแนะนำหมากขาว..
หนึ่งเดียวจากนักเดินหมากหน้าใหม่ที่ผ่านเข้ามา หนึ่งเดียวผู้พลิกประวัติศาสตร์ทำเนียบเซียน และหนึ่งเดียวที่กำลังจะพิชิตตำแหน่ง ‘ยอดเซียน’ อายุน้อยที่สุดในวงการ”
เจ้าหน้าที่กล่าวเน้นเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ
“เขากำลังจะพิสูจน์ตัวเอง..เชิญทุกท่านพบกับ..นักเดินหมากผู้เดินทางร่อนเร่พเนจรไร้ที่มาไร้ที่ไปดุจ..เ ม ฆา ล่ อ ง ล อ ย !”
เสียงปรบมือยาวนานดังสนั่นโถง พวกเซียนหมากที่มาให้กำลังใจจอมต่างส่งเสียงเมฆาล่องลอย!ซ้ำ ๆ พร้อมจังหวะปรบมือ
จอมในชุดขาวเดินออกมาด้วยสีหน้าสงบยิ่ง ผมเรียบยาวดำขลับสะท้อนเงาวาว คิ้วเข้มจมูกโด่งเป็นสันขับใบหน้าคมคายเคร่งขรึมราวรูปสลัก เทพยุทธ์นิรนามเดินเคียงข้างยิ้มแย้มโบกมือให้ผู้คน สุดทางพรมแดงถึงสีมาศักดิ์สิทธิ์ที่ล้อมด้วยเชือกขาว เทพยุทธ์นิรนามสัมผัสมือจอม จอมยิ้ม เทพยุทธ์นิรนามผงกศีรษะแล้วเดินไปยังที่นั่งตน
จอมก้าวเข้าในเขตสีมาศักดิ์สิทธิ์หยุดยืนด้านหมากขาว แสงไฟสว่างจ้าจับใบหน้าคมเข้มโดดเด่นดุจบัณฑิตหนุ่มผู้สำเร็จเซียน
เสียงปรบมือดังกึกก้อง
เสียงเจ้าหน้าที่กังวานขึ้นอีกครั้ง
“ขอแนะนำหมากดำ..
สุดยอดนักเดินหมากไร้ผู้เทียมทานแห่งยุค สุดยอดเซียนหมากผู้ไม่เคยพ่าย สุดยอดพลังไร้ผู้ต้านทาน..เชิญทุกท่านพบกับ...สุดยอดฝีมือหนึ่งเดียวของสำนักอัคคี...เหนือเซียน..เ ท พ อุ ด ร!”
เสียงโห่ร้องเสียงผิวปากดังลั่น จอมมองไปทางต้นเสียงล้วนเป็นคนของสำนักอัคคี จอมกวาดตามองหาใครบางคน
เทพอุดรเดินออกมาในชุดสีแดงเพลิง มีเจ้าสำนักอัคคีและศิษย์เดินมาเคียงข้าง เจ้าสำนักอัคคีโบกมือให้ผู้ชมเรียกความนิยมต่อชื่อเสียงสำนัก
ทั้งหมดเดินมาหยุดที่สุดพรมแดง
จอมเขม้นมองบุรุษหนุ่มในชุดแดงเพลิงของสำนักอัคคีพลันอุทาน... "ท่านราศีมีน!"
จอมยิ่งตกตะลึงเมื่อศิษย์สำนักอัคคีคนที่ยืนข้าง ๆ เทพอุดรลดผ้าคลุมศีรษะลง... "ด อ ก บั ว!"
เจ้าสำนักอัคคีส่งประกายตาที่วาวราวคมหอกคมดาบมองจอมก่อนขยับไปยังที่นั่ง เทพอุดรกุมมือดอกบัวต่างส่งยิ้มให้กันแล้วเดินเข้ามายืนประจำที่
จอมยังคงรำพึงเสียงแผ่ว “ท่านราศีมีน”....”ดอกบัว”
จอมเพ่งมองคนที่ตนรอคอยมาตลอดเวลา..ดอกบัวมาแล้ว..มากับราศีมีนผู้ที่เขายึดถือเป็นสหายร่วมวัยเพียงหนึ่งเดียว
เทพอุดรโบกมือให้บรรดาเสียงโห่ร้องต้อนรับแล้วหันมากล่าวทักทาย “จอม ท่านสบายดี?”
“ข้า...ข้าพเจ้าสบายดี....” จอมยังงงงันพูดอะไรไม่ออก เขายินดีที่ได้พบราศีมีนอีกครั้ง แต่ต้องไม่ใช่ในสถานการณ์เช่นนี้ จอมร้องถามไปว่า “ท่านคือเทพอุดร!”
ราศีมีนผงกศีรษะ
“ท่าน..กับ..ดอก..บัว?”
“ดอกบัวเป็นคู่หมั้นหมายข้าพเจ้า มีอะไรหรือ?”
เจ้าหน้าที่ทำเนียบเซียนเข้ามาอ่านกติกา เสี่ยงทายเลือกเดิน อวยพรทั้งสอง
คู่ประลองไหว้ขอบคุณแล้วนั่งลง มีเสียงประกาศบอกให้ทุกคนเข้าสู่ภาวะสงบ โถงใหญ่ความจุหลายพันคนพลันเงียบสนิท
จอมจะเป็นฝ่ายเดินก่อน...สายตายังเหลือบมองดวงตาคมใสคู่นั้น ไม่มีแววประกายที่เคยสัมผัสหลงเหลืออีกแล้ว..
การประลองหมากครั้งลือลั่นที่สุดในวงการเซียนกำลังจะเริ่มขึ้น!
..ในใจเต็มไปด้วยคำถามร้อยพัน...
จอมไม่ขยับหมาก!
ความเงียบเหมือนม่านดำคลี่ลงคลุมทั่วทั้งโถงใหญ่ เซียนหมากข้างเมฆาล่องลอยล้วนมาจากคนละทิศละทาง ทั้งที่มาให้กำลังใจแต่วันแรก และเปลี่ยนมาถือข้างเมฆาล่องลอยในวันหลังเพราะชมชอบฝีไม้ลายมือพากันขมวดคิ้วงุนงงสงสัยไม่ทราบเกิดอะไรขึ้นกับยอดนักเดินหมากที่พวกตนชื่น่ชม มีเสียงตะโกนดังขึ้น “เ ม ฆ า ล่ อ ง ล อ ย”
จอมยังนั่งนิ่ง...
...ความฝัน..ชีวิตคู่เหมือนอย่างเทพยุทธ์นิรนามกับเมย์ที่เขาเฝ้าฝัน..เลือนหายไป..ไม่อาจไขว่คว้า..รักษาไว้...
มีเสียงร้องเรียกให้กำลังใจของทั้งสองฝ่ายดังขึ้นจนเจ้าหน้าที่ต้องประกาศให้เงียบ
...เหมือนมองไปยังความเวิ้งว้างแสนไกล...ดวงตาสวยใสคู่นั้นมีเพียงความว่างเปล่าไม่สะท้อนความหมายใด ๆ อีกแล้ว...
จอมยินเสียงจิตเจ้าสำนักอัคคีดังก้อง “เจ้าคงเห็นแล้วว่าไม่มีประโยชน์ จะเข้าร่วมการประลองหรือไม่เจ้าล้วนพ่ายแพ้...นี่เป็น ‘รุกฆาต!’ สำหรับเจ้า”
(เสียงปรบมือให้กำลังใจเมฆาล่องลอยค่อย ๆ ดังขึ้น)
แพ้-ชนะ หามีความหมายต่อเขา ความฝันสิมีความหมาย ความฝันที่มลายหายไปแล้ว..หมดสิ้นแล้ว..เขาไม่อยากอยู่ตรงนี้อีกอยากกลับไปหาอาจารย์ ที่นั่นมีกันเพียงสองคน อบอุ่น สงบสุข
(เสียงปรบมือโดยพร้อมเพรียงค่อย ๆ ดังขึ้น)
การแข่งขันทำลายมิตรภาพ, ทำร้ายตัวเองทำลายคนรอบข้าง, เขาจะทิ้งผู้คนที่เชื่อมั่นในตัวเขาไปได้อย่างไร?
(เสียงปรบมือพร้อมเพรียงดังก้องโถง)
จอมนั่งนิ่ง..ดวงตาเลื่อนลอย ไม่รับรู้สรรพเสียงใดความคิดไม่ปะติดปะต่อ โลกของจอมพังคลืนลงแล้ว..ที่เหลือมีเพียงร่าง..ร่างที่ไร้วิญญาณ...
(เสียงปรบมือพร้อมเพรียง)
เทพยุทธ์นิรนามเห็นผิดสังเกตพยายามส่งเสียงจิตเรียกจอม แต่สายไปแล้ว
จอมไม่เห็น..ไม่ได้ยินใด ๆ ทั้งสิ้นอีกต่อไป
(เสียงปรบมือพร้อมเพรียง)
ทั้งหมดที่นี่เป็นเพียงภาพลวง
ความรัก..ความฝัน..มิตรภาพ..ศรัทธา..แววตา..วาจา..ล้วนภาพลวง!
เขากับอาจารย์เท่านั้นที่เป็นชีวิตจริง!
มีแต่กระท่อมน้อยของอาจารย์เท่านั้นเป็นที่พักพิงอย่างแท้จริง!
จอมลุกพรวด!
วิ่งออกไปจากห้องโถง
วิ่งอย่างไม่คิดชีวิต
วิ่งหนีไปให้พ้นเรื่องราวเหล่านี้ ทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังเหมือนไม่เคยพบพาน
เทพยุทธ์นิรนามรีบวิ่งตามออกไป
เ ร า เ ป็ น เ ช่ น ใ ด โ ล ก ก็ เ ป็ น เ ช่ น นั้ น
กฤษณมูรติ