๑๘.หลบหนี

หลังจากนั้นจอมถูกกักให้อยู่แต่บริเวณเรือนพักรับรองแขก  ศิษย์สำนักอัคคีจัดเวรยามผลัดเปลี่ยนตลอดเวลา  ยิ่งใกล้วันประลองยิ่งเพิ่มกำลังแน่นหนา

จอมคิดถึงคำเทพยุทธ์นิรนาม  “....รู้จักไปนานไปก็จะได้รู้พิษสงของเต่าเฒ่านะสิ...ฮา ฮา” จอมพยายามหาช่องทางหลบหนีแต่ไม่มีโอกาส  ได้แต่แสร้งทำเป็นนิ่งเฉย 

จนถึงค่ำคืนก่อนวันประลองจอมตัดสินใจจะอย่างไรต้องลองหลบหนีสักครา  จอมรอจนเวลาล่วงใกล้รุ่งสาง  เป็นเวลาที่ศิษย์สำนักอัคคีโดยมากหลับยาม จัดคลุมเตียงให้เหมือนคนผู้หนึ่งนอนอยู่  แล้วปีนออกทางหน้าต่าง ลัดเลาะในเงามืดของสุมทุมพุ่มไม้

บรรยากาศทั่วไปเงียบสงัดพวกเวรยามต่างหลับไหลอยู่ในตำแหน่งตน  จนมาถึงบริเวณส่วนหน้าของสำนัก  จอมเคลื่อนตัวหลบแสงเปลวเพลิงสว่างจ้าเหนือปากมังกร  บรรลุถึงประตูใหญ่ ครุ่นคิด 'คงเป็นเพราะเราไม่เคยเคลื่อนไหวหลบหนี พวกศิษย์สำนักอัคคีเลยชะล่าใจ  นี่ไยมิใช่กลหมากโค่นเขาพระสุเมรุ ลงมือครั้งเดียวประสบผล'

จอมค่อย ๆ คลานเข้าไปหาประตู  ตำแหน่งที่เป็นประตูเล็กสว่างไสวด้วยแสงเปลวเพลิงจากปากมังกร เสี่ยงต่อการถูกพบเห็น 

แต่ก็ต้องเสี่ยง!

จอมแนบตัวชิดผนังกำแพงขยับเข้าไป  เอื้อมมือยกสลักประตู พลันเสียงร้องขึ้น

“โอ๊ย! ข้าพเจ้ากลัวแล้ว ๆ ๆ”

จอมตกใจชักมือกลับ เป็นเวรยามที่เฝ้าประตูหลับละเมอ  จอมยื่นมือยกสลักประตูขึ้นอีกครั้ง

“พวกเราเร็ว! ท่านเมฆาล่องลอยจะหลบหนี!”

ครั้งนี้เป็นศิษย์สำนักอัคคีผู้หนึ่งร้องพลางวิ่งมาจากหน้าอาคารใหญ่  ยามคนที่ละเมอตกใจตื่น งังเงียหันมาพบหน้าจอมอย่างจัง

จอมยกสลักขึ้น เวรยามผู้นั้นคว้ามือจอมไว้อย่างงุนงง

จอมออกแรงดึงสลัดพยายามจะเปิดประตู  เวรยามผู้นั้นกอดรัดจอมจนล้มไปด้วยกัน จอมต่อสู้สุดกำลังจนหลุดจากการเกาะกุม ลุกวิ่งไปที่ประตู กลับมีเวรยามอีกคนขยับเข้ามาขวางประตู  จอมลังเลหันไปมอง มีศิษย์สำนักอัคคีอีก ๒-๓ คนวิ่งมาจากอาคารใหญ่  ตัดใจวิ่งหลบเข้าในเงามืด  ศิษย์สำนักอัคคีที่ได้ยินเสียงร้องเรียกต่างวิ่งมารวมตัวกันที่หน้าอาคารใหญ่

จอมแฝงตัวในเงามืดมองประตูด้วยความสิ้นหวัง  เวรยามเฝ้าประตูผู้นั้นร้อง “ทางนี้ ๆ” แล้ววิ่งเข้ามาทางจอมซ่อนตัว  จอมออกวิ่งไม่คิดชีวิต สะดุดอะไรบางอย่างล้มกลิ้ง แล้วรีบลุกขึ้นวิ่งต่อ  ศิษย์สำนักอัคคีส่งเสียงต่อ ๆ กัน ไล่ตามอยู่ข้างหลัง

พวกเวรยามด้านหลัง  เมื่อได้ยินเสียงโกลาหลด้านหน้าสำนักพาเข้าไปสำรวจในห้องพักแขกครั้นพบว่าจอมหลบหนีต่างพากันวิ่งกรูไปทางหน้าสำนัก

จอมเห็นเช่นนั้นจึงวิ่งแฝงตัวในเงามืดไปทางด้านหลังสำนักจนลุถึงที่พำนักแม่ชี  แม่ชีกำลังสวดมนต์  จอมส่งเสียงเรียก

“แม่ชีขอรับ!”  เสียงสวดยังคงดังแว่ว

“แม่ชีขอรับ!” จอมเรียกเสียงดังขึ้น

“ผู้ใด?”

“ผู้เยาว์เองขอรับ”

แม่ชีเดินออกมาจากระท่อม  จอมโผล่ออกมายืนหายใจเหนื่อยหอบ

“อ้อ เด็กน้อยมีธุระร้อนอันใด ไยมาหาแม่ชีแต่เช้าตรู่เช่นนี้”

“ผู้เยาว์หลบหนีศิษย์สำนักอัคคีมา  ท่านเจ้าสำนักตั้งใจกักขังไม่ให้ผู้เยาว์เข้าร่วมการประลองชิงยอดเซียน” จอมหอบหายใจยืนมือชันเข่า

“อ้อ มีเรื่องเช่นนี้”

“การประลองจะเริ่มเช้าวันนี้แล้วขอรับ  แม่ชีพอจะชี้แนะหนทางออกจากสำนักได้ไหมขอรับ?”

แม่ชีสูงวัยครุ่นคิดชั่วครู่  พลันเอ่ย

“ตามเรามา!”

แม่ชีนำจอมถึงริมกำแพง  นางแหวกวัชพืชออก เผยเห็นปะตูไม้บานเล็กฝังอยู่ที่ฐานกำแพงขนาดเท่าสุนัขรอดผ่าน จอมรีบขยับเข้าไปออกแรงดึงบานประตู  ประตูไม้คร่ำคร่าร้อง เอี๊ยด อ๊าด เปิดอ้าออก

จอมรีบยกมือไหว้แม่ชี “ขอบคุณขอรับ บุญคุณครั้งนี้ไม่ตายผู้เยาว์จะกลับมาชดใช้ภายหลัง ผู้เยาว์ขอลา”

แม่ชียิ้มอ่อนโยน พยักหน้า

เสียงเหล่าศิษย์สำนักอัคคีใกล้เข้ามา

จอมรีบมุดช่องน้อยออกสู่ภายนอก เอื้อมมือดึงประตูปิด  เขาสูดหายใจลึก

“อา..กลิ่นหอมแห่งอิสรภาพ เป็นเช่นนี้เอง” จากนั้นรีบวิ่งไปบนเส้นทางมุ่งสู่ ‘ทำเนียบเซียน’

ส ร ร พ สิ่ ง ล้ ว น เ กี่ ย ว พั น เ ชื่ อ ม โ ย ง
                                      “สูญญตาจารย์”