หลังจากนั้นจอมถูกกักให้อยู่แต่บริเวณเรือนพักรับรองแขก ศิษย์สำนักอัคคีจัดเวรยามผลัดเปลี่ยนตลอดเวลา ยิ่งใกล้วันประลองยิ่งเพิ่มกำลังแน่นหนา
จอมคิดถึงคำเทพยุทธ์นิรนาม “....รู้จักไปนานไปก็จะได้รู้พิษสงของเต่าเฒ่านะสิ...ฮา ฮา” จอมพยายามหาช่องทางหลบหนีแต่ไม่มีโอกาส ได้แต่แสร้งทำเป็นนิ่งเฉย
จนถึงค่ำคืนก่อนวันประลองจอมตัดสินใจจะอย่างไรต้องลองหลบหนีสักครา จอมรอจนเวลาล่วงใกล้รุ่งสาง เป็นเวลาที่ศิษย์สำนักอัคคีโดยมากหลับยาม จัดคลุมเตียงให้เหมือนคนผู้หนึ่งนอนอยู่ แล้วปีนออกทางหน้าต่าง ลัดเลาะในเงามืดของสุมทุมพุ่มไม้
บรรยากาศทั่วไปเงียบสงัดพวกเวรยามต่างหลับไหลอยู่ในตำแหน่งตน จนมาถึงบริเวณส่วนหน้าของสำนัก จอมเคลื่อนตัวหลบแสงเปลวเพลิงสว่างจ้าเหนือปากมังกร บรรลุถึงประตูใหญ่ ครุ่นคิด 'คงเป็นเพราะเราไม่เคยเคลื่อนไหวหลบหนี พวกศิษย์สำนักอัคคีเลยชะล่าใจ นี่ไยมิใช่กลหมากโค่นเขาพระสุเมรุ ลงมือครั้งเดียวประสบผล'
จอมค่อย ๆ คลานเข้าไปหาประตู ตำแหน่งที่เป็นประตูเล็กสว่างไสวด้วยแสงเปลวเพลิงจากปากมังกร เสี่ยงต่อการถูกพบเห็น
แต่ก็ต้องเสี่ยง!
จอมแนบตัวชิดผนังกำแพงขยับเข้าไป เอื้อมมือยกสลักประตู พลันเสียงร้องขึ้น
“โอ๊ย! ข้าพเจ้ากลัวแล้ว ๆ ๆ”
จอมตกใจชักมือกลับ เป็นเวรยามที่เฝ้าประตูหลับละเมอ จอมยื่นมือยกสลักประตูขึ้นอีกครั้ง
“พวกเราเร็ว! ท่านเมฆาล่องลอยจะหลบหนี!”
ครั้งนี้เป็นศิษย์สำนักอัคคีผู้หนึ่งร้องพลางวิ่งมาจากหน้าอาคารใหญ่ ยามคนที่ละเมอตกใจตื่น งังเงียหันมาพบหน้าจอมอย่างจัง
จอมยกสลักขึ้น เวรยามผู้นั้นคว้ามือจอมไว้อย่างงุนงง
จอมออกแรงดึงสลัดพยายามจะเปิดประตู เวรยามผู้นั้นกอดรัดจอมจนล้มไปด้วยกัน จอมต่อสู้สุดกำลังจนหลุดจากการเกาะกุม ลุกวิ่งไปที่ประตู กลับมีเวรยามอีกคนขยับเข้ามาขวางประตู จอมลังเลหันไปมอง มีศิษย์สำนักอัคคีอีก ๒-๓ คนวิ่งมาจากอาคารใหญ่ ตัดใจวิ่งหลบเข้าในเงามืด ศิษย์สำนักอัคคีที่ได้ยินเสียงร้องเรียกต่างวิ่งมารวมตัวกันที่หน้าอาคารใหญ่
จอมแฝงตัวในเงามืดมองประตูด้วยความสิ้นหวัง เวรยามเฝ้าประตูผู้นั้นร้อง “ทางนี้ ๆ” แล้ววิ่งเข้ามาทางจอมซ่อนตัว จอมออกวิ่งไม่คิดชีวิต สะดุดอะไรบางอย่างล้มกลิ้ง แล้วรีบลุกขึ้นวิ่งต่อ ศิษย์สำนักอัคคีส่งเสียงต่อ ๆ กัน ไล่ตามอยู่ข้างหลัง
พวกเวรยามด้านหลัง เมื่อได้ยินเสียงโกลาหลด้านหน้าสำนักพาเข้าไปสำรวจในห้องพักแขกครั้นพบว่าจอมหลบหนีต่างพากันวิ่งกรูไปทางหน้าสำนัก
จอมเห็นเช่นนั้นจึงวิ่งแฝงตัวในเงามืดไปทางด้านหลังสำนักจนลุถึงที่พำนักแม่ชี แม่ชีกำลังสวดมนต์ จอมส่งเสียงเรียก
“แม่ชีขอรับ!” เสียงสวดยังคงดังแว่ว
“แม่ชีขอรับ!” จอมเรียกเสียงดังขึ้น
“ผู้ใด?”
“ผู้เยาว์เองขอรับ”
แม่ชีเดินออกมาจากระท่อม จอมโผล่ออกมายืนหายใจเหนื่อยหอบ
“อ้อ เด็กน้อยมีธุระร้อนอันใด ไยมาหาแม่ชีแต่เช้าตรู่เช่นนี้”
“ผู้เยาว์หลบหนีศิษย์สำนักอัคคีมา ท่านเจ้าสำนักตั้งใจกักขังไม่ให้ผู้เยาว์เข้าร่วมการประลองชิงยอดเซียน” จอมหอบหายใจยืนมือชันเข่า
“อ้อ มีเรื่องเช่นนี้”
“การประลองจะเริ่มเช้าวันนี้แล้วขอรับ แม่ชีพอจะชี้แนะหนทางออกจากสำนักได้ไหมขอรับ?”
แม่ชีสูงวัยครุ่นคิดชั่วครู่ พลันเอ่ย
“ตามเรามา!”
แม่ชีนำจอมถึงริมกำแพง นางแหวกวัชพืชออก เผยเห็นปะตูไม้บานเล็กฝังอยู่ที่ฐานกำแพงขนาดเท่าสุนัขรอดผ่าน จอมรีบขยับเข้าไปออกแรงดึงบานประตู ประตูไม้คร่ำคร่าร้อง เอี๊ยด อ๊าด เปิดอ้าออก
จอมรีบยกมือไหว้แม่ชี “ขอบคุณขอรับ บุญคุณครั้งนี้ไม่ตายผู้เยาว์จะกลับมาชดใช้ภายหลัง ผู้เยาว์ขอลา”
แม่ชียิ้มอ่อนโยน พยักหน้า
เสียงเหล่าศิษย์สำนักอัคคีใกล้เข้ามา
จอมรีบมุดช่องน้อยออกสู่ภายนอก เอื้อมมือดึงประตูปิด เขาสูดหายใจลึก
“อา..กลิ่นหอมแห่งอิสรภาพ เป็นเช่นนี้เอง” จากนั้นรีบวิ่งไปบนเส้นทางมุ่งสู่ ‘ทำเนียบเซียน’
ส ร ร พ สิ่ ง ล้ ว น เ กี่ ย ว พั น เ ชื่ อ ม โ ย ง
“สูญญตาจารย์”