๑๗.แม่ชี

จอมไม่ได้ให้คำตอบเจ้าสำนักอัคคี  เขาไม่เคยพบการตัดสินใจที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน  คำสอนของอาจารย์ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกเขาไม่เคยข้องใจสงสัยหลักปฏิบัติของอาจารย์  ครั้นพบเห็นชีวิตในสำนักอัคคีที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง  จอมพบว่ายังมีหลักปฏิบัติอีกชนิดหนึ่งที่แตกต่างดังฟ้ากับดิน  แต่ก็สามารถดำรงคงอยู่ทั้งยังมีรากฐานมั่นคงเป็นสำนักใหญ่ที่เหล่าเซียนหมากต่างให้ความยำเกรง 

เขาควรเลือกอะไร? ระหว่างชีวิตสมถะเรียบง่ายที่สำนักอาจารย์หรือชีวิตสุขสบายที่สำนักอัคคี

จอมคิดถึงเทพยุทธ์นิรนามหากปรึกษาเทพยุทธ์นิรนามคงได้คำตอบ  จอมเดินคิดเรื่อยเปื่อยจนลุเขตในสุดของสำนักอัคคี

พบสุภาพสตรีสูงวัยท่านหนึ่งนุ่งห่มขาวเหมือนนักบวชชีพราหมณ์  ผมยาวเงาวาวถูกรวบเป็นมวยไว้ด้านหลัง ใบหน้าสดใส เปี่ยมเมตตา  นางกำลังเก็บสมุนไพรในกระจาด

จอมเดินเข้าไปไหว้ ทักทาย

แม่ชียิ้มอ่อนโยนเชิญจอมเข้าในชายคากระท่อมบอกให้จอมนั่งคอยสักครู่  จอมเหลียวมองรอบบริเวณเต็มด้วยไม้ดอกไม้ประดับ  ดอกไม้หลากสีเบ่งบานอยู่ในกระถางใบน้อยห้อยจากชายคา  แม่ชีกลับออกมาพร้อมขันน้ำเย็น ยิ้มยื่นให้จอม

“เดินมาเหนื่อย ๆ ดื่มน้ำก่อนสิ”

“ขอบคุณขอรับ” จอมไหว้ขอบคุณ รับขันน้ำด้วยสองมือไอเย็นแผ่ผ่านขันใบน้อยสู่ฝ่ามือจอม

“เด็กน้อย เจ้าดูไม่คล้ายคนของสำนักอัคคี”

“ผู้เยาว์รับคำเชิญท่านเจ้าสำนักพักที่นี่มาหลายวันแล้ว”

“อ้อ!” นางนั่งลงตรงข้ามจอม

“เจ้าเป็นใคร? มาจากใหน? ยังเยาว์วัยเพียงนี้เจ้าสำนักถึงกับเชิญเป็นแขก?”

“ผู้เยาว์เดินทางกลับจากสูญญตารามจะไปกระท่อมท่านเทพยุทธ์นิรนาม  ปะท่านอสูรเหล็กไฟระหว่างทางบอกว่าเจ้าสำนักเชิญให้มาพักที่นี่”

แม่ชียินคำเทพยุทธ์นิรนานเลิกคิ้วถาม

“เจ้ามีสัมพันธ์ใดกับเทพยุทธ์นิรนาม?”

“ผู้น้อยเดินทางพเนจร ท่านเทพยุทธ์นิรนามกรุณาให้ที่พักพิงขอรับ”

“อ้อ!” นางผงกศีรษะ

“ท่านรู้จักท่านเทพยุทธ์นิรนามด้วยหรือขอรับ?” จอมถาม

“รู้จัก แต่ข้าไม่ได้พบมาเนิ่นนาน ได้แต่ถามข่าวคราวจากคนของสำนัก”

“ทำไมไม่ไปหาละขอรับ ข้าพเจ้านำไปได้นะขอรับ”

“ได้รู้ว่าเขาสบายดีก็พอแล้ว”

จอมนั่งพูดคุยกับแม่ชีจนบ่ายคล้อยจึงกล่าวลาทั้งยังไม่อยากกลับ  รู้สึกอบอุ่นเวลาได้นั่งคุย เป็นความอบอุ่นที่แตกต่างจากอยู่กับอาจารย์  จอมไม่เข้าใจว่าความอบอุ่นเช่นนี้คืออะไร? รู้เพียงอยากอยู่ใกล้อยากพูดคุยด้วยนาน ๆ

วันต่อมา..จอมเรียนเจ้าสำนักอัคคีว่าจะไปปรึกษาเทพยุทธ์นิรนาม

“เจ้าไยไม่ตัดสินใจเรื่องชีวิตของเจ้าด้วยตัวเจ้าเอง” เจ้าสำนักอัคคีแค่นเสียง

“ผู้เยาว์เห็นว่าเรื่องนี้ใหญ่เกินกว่าผู้เยาว์จะตัดสินใจด้วยตัวเอง”

“ก็แล้วแต่เจ้า!” เหนือเซียนมังกรไฟสบัดหน้าเดินออกจากห้อง

จากวันนั้นจอมไม่ได้พบเห็นเจ้าสำนักอัคคีอีกเลย  ดอกบัวก็หายตัวไปโดยไม่ได้ลา  ไกล้ถึงวันประลองชิง ‘ยอดเซียน’ เจ้าสำนักอัคคียังไม่กลับ  จอมคิดเดินทางไปหาเทพยุทธ์นิรนามเพื่อเตรียมตัวเข้าประลองแต่ศิษย์สำนักอัคคีไม่ยอมให้ออกจากสำนัก

“เจ้าสำนักย้ำให้ดูแลท่านจนกว่าเช้าของวันประลองจะผ่านพ้น”

ใจไม่พึงปราถนาในวัตถุ....ก็จะเป็นเช่นฟ้าโปร่ง ทะเลกว้าง มีหนังสือและพิณอยู่ข้างกายก็จักประดุจสถิตอยู่บนสรวงสวรรค์
                                                         สายธารแห่งปัญญา