จอมไม่ได้ให้คำตอบเจ้าสำนักอัคคี เขาไม่เคยพบการตัดสินใจที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน คำสอนของอาจารย์ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกเขาไม่เคยข้องใจสงสัยหลักปฏิบัติของอาจารย์ ครั้นพบเห็นชีวิตในสำนักอัคคีที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง จอมพบว่ายังมีหลักปฏิบัติอีกชนิดหนึ่งที่แตกต่างดังฟ้ากับดิน แต่ก็สามารถดำรงคงอยู่ทั้งยังมีรากฐานมั่นคงเป็นสำนักใหญ่ที่เหล่าเซียนหมากต่างให้ความยำเกรง
เขาควรเลือกอะไร? ระหว่างชีวิตสมถะเรียบง่ายที่สำนักอาจารย์หรือชีวิตสุขสบายที่สำนักอัคคี
จอมคิดถึงเทพยุทธ์นิรนามหากปรึกษาเทพยุทธ์นิรนามคงได้คำตอบ จอมเดินคิดเรื่อยเปื่อยจนลุเขตในสุดของสำนักอัคคี
พบสุภาพสตรีสูงวัยท่านหนึ่งนุ่งห่มขาวเหมือนนักบวชชีพราหมณ์ ผมยาวเงาวาวถูกรวบเป็นมวยไว้ด้านหลัง ใบหน้าสดใส เปี่ยมเมตตา นางกำลังเก็บสมุนไพรในกระจาด
จอมเดินเข้าไปไหว้ ทักทาย
แม่ชียิ้มอ่อนโยนเชิญจอมเข้าในชายคากระท่อมบอกให้จอมนั่งคอยสักครู่ จอมเหลียวมองรอบบริเวณเต็มด้วยไม้ดอกไม้ประดับ ดอกไม้หลากสีเบ่งบานอยู่ในกระถางใบน้อยห้อยจากชายคา แม่ชีกลับออกมาพร้อมขันน้ำเย็น ยิ้มยื่นให้จอม
“เดินมาเหนื่อย ๆ ดื่มน้ำก่อนสิ”
“ขอบคุณขอรับ” จอมไหว้ขอบคุณ รับขันน้ำด้วยสองมือไอเย็นแผ่ผ่านขันใบน้อยสู่ฝ่ามือจอม
“เด็กน้อย เจ้าดูไม่คล้ายคนของสำนักอัคคี”
“ผู้เยาว์รับคำเชิญท่านเจ้าสำนักพักที่นี่มาหลายวันแล้ว”
“อ้อ!” นางนั่งลงตรงข้ามจอม
“เจ้าเป็นใคร? มาจากใหน? ยังเยาว์วัยเพียงนี้เจ้าสำนักถึงกับเชิญเป็นแขก?”
“ผู้เยาว์เดินทางกลับจากสูญญตารามจะไปกระท่อมท่านเทพยุทธ์นิรนาม ปะท่านอสูรเหล็กไฟระหว่างทางบอกว่าเจ้าสำนักเชิญให้มาพักที่นี่”
แม่ชียินคำเทพยุทธ์นิรนานเลิกคิ้วถาม
“เจ้ามีสัมพันธ์ใดกับเทพยุทธ์นิรนาม?”
“ผู้น้อยเดินทางพเนจร ท่านเทพยุทธ์นิรนามกรุณาให้ที่พักพิงขอรับ”
“อ้อ!” นางผงกศีรษะ
“ท่านรู้จักท่านเทพยุทธ์นิรนามด้วยหรือขอรับ?” จอมถาม
“รู้จัก แต่ข้าไม่ได้พบมาเนิ่นนาน ได้แต่ถามข่าวคราวจากคนของสำนัก”
“ทำไมไม่ไปหาละขอรับ ข้าพเจ้านำไปได้นะขอรับ”
“ได้รู้ว่าเขาสบายดีก็พอแล้ว”
จอมนั่งพูดคุยกับแม่ชีจนบ่ายคล้อยจึงกล่าวลาทั้งยังไม่อยากกลับ รู้สึกอบอุ่นเวลาได้นั่งคุย เป็นความอบอุ่นที่แตกต่างจากอยู่กับอาจารย์ จอมไม่เข้าใจว่าความอบอุ่นเช่นนี้คืออะไร? รู้เพียงอยากอยู่ใกล้อยากพูดคุยด้วยนาน ๆ
วันต่อมา..จอมเรียนเจ้าสำนักอัคคีว่าจะไปปรึกษาเทพยุทธ์นิรนาม
“เจ้าไยไม่ตัดสินใจเรื่องชีวิตของเจ้าด้วยตัวเจ้าเอง” เจ้าสำนักอัคคีแค่นเสียง
“ผู้เยาว์เห็นว่าเรื่องนี้ใหญ่เกินกว่าผู้เยาว์จะตัดสินใจด้วยตัวเอง”
“ก็แล้วแต่เจ้า!” เหนือเซียนมังกรไฟสบัดหน้าเดินออกจากห้อง
จากวันนั้นจอมไม่ได้พบเห็นเจ้าสำนักอัคคีอีกเลย ดอกบัวก็หายตัวไปโดยไม่ได้ลา ไกล้ถึงวันประลองชิง ‘ยอดเซียน’ เจ้าสำนักอัคคียังไม่กลับ จอมคิดเดินทางไปหาเทพยุทธ์นิรนามเพื่อเตรียมตัวเข้าประลองแต่ศิษย์สำนักอัคคีไม่ยอมให้ออกจากสำนัก
“เจ้าสำนักย้ำให้ดูแลท่านจนกว่าเช้าของวันประลองจะผ่านพ้น”
ใจไม่พึงปราถนาในวัตถุ....ก็จะเป็นเช่นฟ้าโปร่ง ทะเลกว้าง มีหนังสือและพิณอยู่ข้างกายก็จักประดุจสถิตอยู่บนสรวงสวรรค์
สายธารแห่งปัญญา