อรุโณทัยไขแสง
สายลมคิมหันต์พัดแผ่ว
สายแดดเริ่มแผดแสง
ตลาดยามเช้าคึกคักจอแจเต็มไปด้วยผู้คนจับจ่ายชื้อของ
เทพยุทธนิรนามพาจอมเดินลัดเลาะฝ่าฝูงชน ผ่านตรอกซอกซอย
จนลุถึงหน้าประตูไม้บานใหญ่ ดูเหมือนตรอกซอยต่าง ๆ ล้วนเป็นหนทาง
มาสู่ประตูบานนี้ บานไม้ขนาดใหญ่ยึดไว้ได้แผ่นเหล็กขัดเขามันวาว
มีประตูบานเล็กขนาดคนเข้าซ้อนอยู่ในบานไม้เนื้อหนา
จอมแหงนมองด้วยใจระทึก
เหนือประตูเป็นแผ่นไม้โบราณเก่าคร่ำเผยเห็นริ้วรอยลายไม้ลึกร่อนสลักอักษรสีทอง
‘ทำเนียบเซียน’
“ไป ข้าจะพาเจ้าเปิดหูเปิดตา” เทพยุทธนิรนามหันบอกจอมก่อนผลักประตูบานเล็กเข้าภายใน
เบื้องหลังประตูเป็นสถานที่กว้างขวาง
ทางเดินปูด้วยหินตรงไปยังอาคารหลังใหญ่
ลานหญ้าเต็มไปด้วยโต๊ะสำหรับเดินหมาก
และเหล่านักเดินหมากที่กำลังคร่ำเคร่งกับหมากรุกบนกระดาน
สถานที่เต็มไปด้วยผู้คนกลับเงียบสงัดเหมือนไร้ผู้คน
ยินเสียงตัวหมากสัมผัสกระดานอย่างแผ่วเบาอยู่เป็นระยะ
ถัดจากลานประลองเป็นระเบียงอาคารหลังใหญ่
วางไว้ด้วยโต๊ะเดินหมากไปจรดกำแพง
เทพยุทธนิรนามเดินไปตามทางหินเข้าสู่ตัวอาคาร
ผู้คนทักทายเขาถามไถ่ทุกข์-สุขและเรื่องการประลองหมากวันวาน
จอมเดินตามเข้าไปจนลุถึงห้องโถงใหญ่
ผนังไกลตรงข้ามประตูแขวนป้าย ‘ทำเนียบเซียน’ สีทอง
ต่ำลงมาเป็นเก้าอี้แกะสลักจากหินอ่อนขาวบริสุทธิ์
เป็นเก้าอี้สำหรับผู้เป็นหนึ่งเดียวเหนือเซียนทั้งมวล
‘ยอดเซียน’
ขนาบด้วยเก้าอี้ไม้สักแกะสลักลงรักปิดทองข้างละ ๒ ตัว สำหรับ ‘จตุรเทพ’ ทั้งสี่
เทพอุดร เทพประจิม เทพบูรพา เทพทักษิณ
ผนังด้านขวามีป้ายอักษรชื่อเขียนอย่างบรรจง
บรรจุรายชื่อยอดเซียนและจตุรเทพแต่อดีตถึงปัจจุบัน
ผนังด้านซ้ายเป็นป้ายรายชื่อตามลำดับขั้นของผู้กำลังไต่เต้าขึ้นสู่การชิงชัยประจำปี ที่โดดเด่นอยู่กลางห้องโถง เป็นโต๊ะเดินหมากคลุมด้วยผ้าขาวนวลสะท้อนแสงเจิดจ้า เหนือโต๊ะแขวนไว้ด้วยโครงจั่วหลังคาประดับริ้วธงหลากสีแทนเทพดารักษาทิศทั้งแปด
ตามประวัติ....
ร้อยกว่าปีก่อน ‘ทำเนียบเซียน’ ถูกก่อตั้งโดยบรรดาเซียนหมากที่อยากเห็นแวดวงนักเดินหมากมีระบบระเบียบและการพัฒนาสืบทอดวิชาเดินหมากจากรุ่นสู่รุ่น
ลูกหลานเหลนของบรรดาผู้ร่วมก่อตั้งยังสืบทอดตำแหน่งกรรมการในการจัดประลองหมาก และดูแลทำเนียบเซียนมาตลอดร้อยกว่าปี
ขั้นตอน พิธีการ ถูกถ่ายทอดฝืกฝนอย่างเคร่งครัด สร้างความศักดิ์สิทธิ์ให้แก่ ‘ทำเนียบเซียน’ จนเป็นศูนย์รวมจิตวิญญาณของเหล่านักเดินหมาก โดยเฉพาะตำแหน่ง ‘ยอดเซียน’ ที่เปรียบเหมือนผู้บรรลุธรรมอันวิจิตร ได้รับการยกย่องประดุจศาสดา
เทพยุทธนิรนามพาจอมผ่านโถงใหญ่เข้าสู่ห้องเล็ก
เป็นห้องโปร่งโล่งสะอาดตา อากาศมีกลิ่นกำยานอยู่บางเบา
ผนังมีภาพหมึกจีนลายพู่กันขนาดใหญ่ชุ่มหมึกดำตวัดครั้งเดียวอย่างมั่นใจ
เป็นรูปวงกลม..เขียนอักษรลายมือไว้ด้านข้างอ่านว่า ‘สรรพสิ่ง’
มีโต๊ะทำงานที่ข้าวของทุกอย่างถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ
เบื้องหลังโต๊ะทำงานเป็นชายสูงอายุหนวดเคราขาวดวงตาคมเรียวดุจพญาเหยี่ยว
ผมขาวยาวถูกรวบตึงเรียบมัดปมไว้ด้านหลังด้วยผ้าขาว
เทพยุทธนิรนามพนมมือไหว้ทักทาย
“ท่านธรรมดา”
ชายเฒ่าวางพู่กันในมือลงรับไหว้ “ท่านเทพยุทธนิรนาม ท่านสบายดี?”
“ครับท่าน” เทพยุทธนิรนามตอบจากนั้นหันมาพูดกับจอม
“จอมนี่ท่าน *‘ธรรมดาดั่งทอง’ ท่านเป็นผู้ดูแลที่นี่” จอมพนมมือไหว้ เขาไหว้ตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน
“เชิญ” เขาผายมือไปทางเก้าอี้รับรองแขก “ขอบคุณครับ”
ทั้งสองนั่งลงท่านธรรมดาดั่งทองหยิบพู่กันเขียนตัวหนังสืออีกสองสามตัว
จากนั้นจึงเก็บกระดาษที่เขียนค้างแล้วกล่าวว่า
“ท่านมีลูกชายเยาว์วัยแต่เมื่อใด?”
“ท่านอย่าเย้าข้าพเจ้าสิ ข้าพเจ้าปะจอมที่ลานประลองวันวาน
เห็นพอมีฝีมือเลยคิดว่าจะให้ลองทดสอบเข้าทำเนียบ”
ท่านธรรมดาดั่งทองยิ้มมองจอมแล้วกล่าวกับเทพยุทธนิรนามว่า
“ท่านนะสิหยอกข้า ท่านก็รู้นับแต่บรรพกาลไม่เคยมีใครเข้าสู่ทำเนียบได้ก่อนวัยยี่สิบ ให้เด็กน้อยฝึกฝีมือที่โรงน้ำชาอีกสักระยะก่อนเป็นไร” ชายชราส่งยิ้มให้จอม
“แต่ข้าพเจ้ามั่นใจว่าเขาพร้อมแล้วสำหรับเข้าสู่ทำเนียบเซียน”
เทพยุทธนิรนามแสดงความเชื่อมั่นทั้งสีหน้าและท่าทาง
แต่จอมกลับหามีความมั่นใจยิ่งได้เห็นสถานที่โอ่โถงเช่นนี้...
ท่านธรรมดาดั่งทองจ้องมองจอมอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วกล่าวว่า
“เด็กน้อยมีแววตาที่ไม่ธรรมดา หากได้รับการฝึกฝนทีดีเชื่อว่าภายภาคหน้า
ต้องประสบความสำเร็จ....” ท่านหยุดชั่วครู่ก่อนกล่าวต่อว่า
“ท่านคงทราบดีถึงผลของการเร่งเข้าทดสอบก่อนเวลาอันควร”
“ข้อนั้นข้าพเจ้าทราบดี”
ท่านธรรมดาดั่งทองทอดถอนใจกล่าวว่า
“เช่นนั้นก็ลองดู”
ทั้งคู่ลาท่านธรรมดาดั่งทอง ออกมา
ขั้นตอนการทดสอบเข้าสู่ทำเนียบของจอมถูกส่งผ่านไปยังหน่วยต่าง ๆ
นั่งรอสักพักเจ้าหน้าที่ก็นำทั้งคู่ออกสู่ลานทดสอบ
ลานทดสอบเป็นลานหญ้าเต็มไปด้วยโต๊ะสำหรับเดินหมากที่จอมเดินผ่านตอนเข้ามา
ที่โต๊ะมีคู่ประลองคอยอยู่ก่อนแล้ว
ทั้งคู่ทำความเคารพกันและกันแล้วนั่งลง
เจ้าหน้าที่อ่านกติกา ทั้งคู่พยักหน้ารับทราบเจ้าหน้าที่กล่าวต่อว่า
“....การทดสอบ มี ๑๐ ด่าน เป็นการเปิดให้ผู้เข้าทดสอบประลองหมากกันเอง
ผู้ชนะจะผ่านเข้าประลองขั้นสูงขึ้นจนกว่าจะชนะ ครบ ๑๐ ครั้งติดต่อกัน
จึงจะเข้าสู่การะประลองระดับอสูร”
เจ้าหน้าที่ปิดคู่มือ “ขอให้ท่านทั้งสองโชคดี”
ทั้งสองพนมมือกล่าวขอบคุณ
จอมตื่นเต้นหัวใจสั่นเหงื่อเริ่มไหลซึมออกมาชุ่มมือ
ฝ่ายตรงข้ามอมยิ้มมองเด็กน้อยคู่ประลองอย่างลำพองใจ
เขายินยอมให้จอมขึ้นหมากก่อน
สำหรับการประลองระดับต้นผู้ที่มั่นใจว่ามือเหนือกว่าจะแสดงน้ำใจ
ด้วยการยินยอมให้อีกฝ่ายขึ้นหมากก่อน
จอมหันมองเทพยุทธนิรนามที่ยืนข้าง ๆ อย่างลังเล เขาพยักหน้าให้กำลังใจ
การเดินหมากครั้งแรกในโลกกว้างใหญ่ที่ไม่มีอาจารย์ของจอม...กำลังจะเริ่มขึ้น
ค ว า ม อ่ อ นโ ย น คื อ ก ล ห ม า ก ที่ ร้ า ย ก า จ ช นิ ด ห นึ่ ง
สูญญตาจารย์
*ธรรมดาดั่งทอง เป็นนามของท่านกิมย้งปรมาจารย์แห่งยุทธจักรนิยาย
ผู้น้อยน้อมนำมาจารึกไว้ด้วยจิตคารวะ