๔. ทำเนียบเซียน

อรุโณทัยไขแสง
สายลมคิมหันต์พัดแผ่ว
สายแดดเริ่มแผดแสง

ตลาดยามเช้าคึกคักจอแจเต็มไปด้วยผู้คนจับจ่ายชื้อของ

เทพยุทธนิรนามพาจอมเดินลัดเลาะฝ่าฝูงชน  ผ่านตรอกซอกซอย
จนลุถึงหน้าประตูไม้บานใหญ่  ดูเหมือนตรอกซอยต่าง ๆ ล้วนเป็นหนทาง
มาสู่ประตูบานนี้  บานไม้ขนาดใหญ่ยึดไว้ได้แผ่นเหล็กขัดเขามันวาว
มีประตูบานเล็กขนาดคนเข้าซ้อนอยู่ในบานไม้เนื้อหนา
จอมแหงนมองด้วยใจระทึก 

เหนือประตูเป็นแผ่นไม้โบราณเก่าคร่ำเผยเห็นริ้วรอยลายไม้ลึกร่อนสลักอักษรสีทอง

‘ทำเนียบเซียน’

“ไป ข้าจะพาเจ้าเปิดหูเปิดตา”  เทพยุทธนิรนามหันบอกจอมก่อนผลักประตูบานเล็กเข้าภายใน

เบื้องหลังประตูเป็นสถานที่กว้างขวาง 
ทางเดินปูด้วยหินตรงไปยังอาคารหลังใหญ่
ลานหญ้าเต็มไปด้วยโต๊ะสำหรับเดินหมาก
และเหล่านักเดินหมากที่กำลังคร่ำเคร่งกับหมากรุกบนกระดาน

สถานที่เต็มไปด้วยผู้คนกลับเงียบสงัดเหมือนไร้ผู้คน
ยินเสียงตัวหมากสัมผัสกระดานอย่างแผ่วเบาอยู่เป็นระยะ

ถัดจากลานประลองเป็นระเบียงอาคารหลังใหญ่ 
วางไว้ด้วยโต๊ะเดินหมากไปจรดกำแพง

เทพยุทธนิรนามเดินไปตามทางหินเข้าสู่ตัวอาคาร
ผู้คนทักทายเขาถามไถ่ทุกข์-สุขและเรื่องการประลองหมากวันวาน
จอมเดินตามเข้าไปจนลุถึงห้องโถงใหญ่

ผนังไกลตรงข้ามประตูแขวนป้าย ‘ทำเนียบเซียน’ สีทอง
ต่ำลงมาเป็นเก้าอี้แกะสลักจากหินอ่อนขาวบริสุทธิ์
เป็นเก้าอี้สำหรับผู้เป็นหนึ่งเดียวเหนือเซียนทั้งมวล

‘ยอดเซียน’

ขนาบด้วยเก้าอี้ไม้สักแกะสลักลงรักปิดทองข้างละ ๒ ตัว สำหรับ ‘จตุรเทพ’ ทั้งสี่ 
เทพอุดร  เทพประจิม   เทพบูรพา  เทพทักษิณ 

ผนังด้านขวามีป้ายอักษรชื่อเขียนอย่างบรรจง
บรรจุรายชื่อยอดเซียนและจตุรเทพแต่อดีตถึงปัจจุบัน
ผนังด้านซ้ายเป็นป้ายรายชื่อตามลำดับขั้นของผู้กำลังไต่เต้าขึ้นสู่การชิงชัยประจำปี  ที่โดดเด่นอยู่กลางห้องโถง เป็นโต๊ะเดินหมากคลุมด้วยผ้าขาวนวลสะท้อนแสงเจิดจ้า  เหนือโต๊ะแขวนไว้ด้วยโครงจั่วหลังคาประดับริ้วธงหลากสีแทนเทพดารักษาทิศทั้งแปด

ตามประวัติ....

ร้อยกว่าปีก่อน ‘ทำเนียบเซียน’ ถูกก่อตั้งโดยบรรดาเซียนหมากที่อยากเห็นแวดวงนักเดินหมากมีระบบระเบียบและการพัฒนาสืบทอดวิชาเดินหมากจากรุ่นสู่รุ่น
ลูกหลานเหลนของบรรดาผู้ร่วมก่อตั้งยังสืบทอดตำแหน่งกรรมการในการจัดประลองหมาก และดูแลทำเนียบเซียนมาตลอดร้อยกว่าปี
ขั้นตอน พิธีการ ถูกถ่ายทอดฝืกฝนอย่างเคร่งครัด สร้างความศักดิ์สิทธิ์ให้แก่ ‘ทำเนียบเซียน’  จนเป็นศูนย์รวมจิตวิญญาณของเหล่านักเดินหมาก  โดยเฉพาะตำแหน่ง ‘ยอดเซียน’ ที่เปรียบเหมือนผู้บรรลุธรรมอันวิจิตร ได้รับการยกย่องประดุจศาสดา

เทพยุทธนิรนามพาจอมผ่านโถงใหญ่เข้าสู่ห้องเล็ก  
เป็นห้องโปร่งโล่งสะอาดตา  อากาศมีกลิ่นกำยานอยู่บางเบา
ผนังมีภาพหมึกจีนลายพู่กันขนาดใหญ่ชุ่มหมึกดำตวัดครั้งเดียวอย่างมั่นใจ
เป็นรูปวงกลม..เขียนอักษรลายมือไว้ด้านข้างอ่านว่า  ‘สรรพสิ่ง’
มีโต๊ะทำงานที่ข้าวของทุกอย่างถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ
เบื้องหลังโต๊ะทำงานเป็นชายสูงอายุหนวดเคราขาวดวงตาคมเรียวดุจพญาเหยี่ยว
ผมขาวยาวถูกรวบตึงเรียบมัดปมไว้ด้านหลังด้วยผ้าขาว 

เทพยุทธนิรนามพนมมือไหว้ทักทาย

“ท่านธรรมดา”

ชายเฒ่าวางพู่กันในมือลงรับไหว้  “ท่านเทพยุทธนิรนาม  ท่านสบายดี?”

“ครับท่าน”  เทพยุทธนิรนามตอบจากนั้นหันมาพูดกับจอม 

“จอมนี่ท่าน *‘ธรรมดาดั่งทอง’ ท่านเป็นผู้ดูแลที่นี่” จอมพนมมือไหว้ เขาไหว้ตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน

“เชิญ” เขาผายมือไปทางเก้าอี้รับรองแขก “ขอบคุณครับ” 

ทั้งสองนั่งลงท่านธรรมดาดั่งทองหยิบพู่กันเขียนตัวหนังสืออีกสองสามตัว
จากนั้นจึงเก็บกระดาษที่เขียนค้างแล้วกล่าวว่า

“ท่านมีลูกชายเยาว์วัยแต่เมื่อใด?”

“ท่านอย่าเย้าข้าพเจ้าสิ  ข้าพเจ้าปะจอมที่ลานประลองวันวาน
เห็นพอมีฝีมือเลยคิดว่าจะให้ลองทดสอบเข้าทำเนียบ”

ท่านธรรมดาดั่งทองยิ้มมองจอมแล้วกล่าวกับเทพยุทธนิรนามว่า

“ท่านนะสิหยอกข้า  ท่านก็รู้นับแต่บรรพกาลไม่เคยมีใครเข้าสู่ทำเนียบได้ก่อนวัยยี่สิบ  ให้เด็กน้อยฝึกฝีมือที่โรงน้ำชาอีกสักระยะก่อนเป็นไร” ชายชราส่งยิ้มให้จอม

“แต่ข้าพเจ้ามั่นใจว่าเขาพร้อมแล้วสำหรับเข้าสู่ทำเนียบเซียน”

เทพยุทธนิรนามแสดงความเชื่อมั่นทั้งสีหน้าและท่าทาง
แต่จอมกลับหามีความมั่นใจยิ่งได้เห็นสถานที่โอ่โถงเช่นนี้...

ท่านธรรมดาดั่งทองจ้องมองจอมอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วกล่าวว่า

“เด็กน้อยมีแววตาที่ไม่ธรรมดา  หากได้รับการฝึกฝนทีดีเชื่อว่าภายภาคหน้า
ต้องประสบความสำเร็จ....” ท่านหยุดชั่วครู่ก่อนกล่าวต่อว่า
“ท่านคงทราบดีถึงผลของการเร่งเข้าทดสอบก่อนเวลาอันควร”

“ข้อนั้นข้าพเจ้าทราบดี”

ท่านธรรมดาดั่งทองทอดถอนใจกล่าวว่า

“เช่นนั้นก็ลองดู”

ทั้งคู่ลาท่านธรรมดาดั่งทอง ออกมา
ขั้นตอนการทดสอบเข้าสู่ทำเนียบของจอมถูกส่งผ่านไปยังหน่วยต่าง ๆ
นั่งรอสักพักเจ้าหน้าที่ก็นำทั้งคู่ออกสู่ลานทดสอบ
ลานทดสอบเป็นลานหญ้าเต็มไปด้วยโต๊ะสำหรับเดินหมากที่จอมเดินผ่านตอนเข้ามา

ที่โต๊ะมีคู่ประลองคอยอยู่ก่อนแล้ว
ทั้งคู่ทำความเคารพกันและกันแล้วนั่งลง

เจ้าหน้าที่อ่านกติกา  ทั้งคู่พยักหน้ารับทราบเจ้าหน้าที่กล่าวต่อว่า

“....การทดสอบ มี ๑๐  ด่าน เป็นการเปิดให้ผู้เข้าทดสอบประลองหมากกันเอง
ผู้ชนะจะผ่านเข้าประลองขั้นสูงขึ้นจนกว่าจะชนะ ครบ ๑๐ ครั้งติดต่อกัน
จึงจะเข้าสู่การะประลองระดับอสูร” 
เจ้าหน้าที่ปิดคู่มือ “ขอให้ท่านทั้งสองโชคดี”

ทั้งสองพนมมือกล่าวขอบคุณ

จอมตื่นเต้นหัวใจสั่นเหงื่อเริ่มไหลซึมออกมาชุ่มมือ
ฝ่ายตรงข้ามอมยิ้มมองเด็กน้อยคู่ประลองอย่างลำพองใจ
เขายินยอมให้จอมขึ้นหมากก่อน 
สำหรับการประลองระดับต้นผู้ที่มั่นใจว่ามือเหนือกว่าจะแสดงน้ำใจ
ด้วยการยินยอมให้อีกฝ่ายขึ้นหมากก่อน

จอมหันมองเทพยุทธนิรนามที่ยืนข้าง ๆ อย่างลังเล  เขาพยักหน้าให้กำลังใจ

การเดินหมากครั้งแรกในโลกกว้างใหญ่ที่ไม่มีอาจารย์ของจอม...กำลังจะเริ่มขึ้น

 

ค ว า ม อ่ อ นโ ย น   คื อ   ก ล ห ม า ก ที่ ร้ า ย ก า จ ช นิ ด ห นึ่ ง
                                                         สูญญตาจารย์

*ธรรมดาดั่งทอง เป็นนามของท่านกิมย้งปรมาจารย์แห่งยุทธจักรนิยาย
ผู้น้อยน้อมนำมาจารึกไว้ด้วยจิตคารวะ

k r a t o m t u l e e Din : My Writing Life,